คริสตจักรขนาดใหญ่

By Dag Heward-Mills

"สงวนสิทธิ์ทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้ภายใต้กฎหมายลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ การนําข้อความส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือเล่มนี้ไปใช้ต้องได้รับอนุญาตจากสํานักพิมพ์ เว้นแต่การอ้างข้อความสั้น ๆ ในบทวิจารณ์ หรือบทความ"

• Language: ภาษาไทย
• Publisher: Dag Heward-Mills
• Release date: May 8, 2018
• ISBN: 9781641347822

Dag Heward-Mills

Bishop Dag Heward-Mills is a medical doctor by profession and the founder of the United Denominations Originating from the Lighthouse Group of Churches (UD-OLGC). The UD-OLGC comprises over three thousand churches pastored by seasoned ministers, groomed and trained in-house. Bishop Dag Heward-Mills oversees this charismatic group of denominations, which operates in over 90 different countries in Africa, Asia, Europe, the Caribbean, Australia, and North and South America. With a ministry spanning over thirty years, Dag Heward-Mills has authored several books with bestsellers including ‘The Art of Leadership’, ‘Loyalty and Disloyalty’, and ‘The Mega Church’. He is considered to be the largest publishing author in Africa, having had his books translated into over 52 languages with more than 40 million copies in print.

Book preview

บทที่ 1

25 เหตุผลที่ทำไมคุณต้องมีคริสตจักรขนาดใหญ่

1. คุณต้องมีใจปรารถนาที่จะมีคริสตจักรขนาดใหญ่ เพราะนั่นคือนิมิตและเป้าหมายที่มีค่าคู่ควรที่สุดสำหรับศิษยาภิบาล นิมิตที่ดีที่สุดและความปรารถนาอย่างแรงกล้าสำหรับศิษยาภิบาลทุกคน คือนิมิตที่จะมีคริสตจักรขนาดใหญ่ ถ้าคุณคิดจะมีคริสตจักรแล้ว ทำไมจึงไม่คิดที่จะมีคริสตจักรขนาดใหญ่ไปเสียเลย?

ที่ที่ไม่มีนิมิตประชาชนก็ปล่อยตัว แต่คนที่รักษาธรรมบัญญัติย่อมเป็นสุข

สุภาษิต 29:18

2. คุณต้องมีใจปรารถนาที่จะมีคริสตจักรขนาดใหญ่ เพราะความปรารถนาที่จะมีคริสตจักรขนาดใหญ่จะนำคุณไปบนเส้นทางที่จะทำให้คริสตจักรของคุณเติบโต การมีความปรารถนาที่จะมีการอัศจรรย์จะนำไปสู่การได้รับการอัศจรรย์โดยเฉพาะในการรับใช้ของคุณ การมีความปรารถนาที่จะได้รับการทรงเจิมจะนำไปสู่การได้รับการทรงเจิมโดยเฉพาะ ความปรารถนาที่จะให้คริสตจักรเติบโตจะนำคุณเดินทางไปสู่การค้นพบหนทางที่จะทำให้คริสตจักรของคุณเติบโต

เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เมื่อพวกท่านอธิษฐานขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ แล้วพวกท่านจะได้รับสิ่งนั้น

มาระโก 11:24

3. คุณต้องมีคริสตจักรขนาดใหญ่ เพราะมีคำพยากรณ์ไว้ว่า ในเบื้องปลายของคริสตจักรทุกแห่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างจะใหญ่โตมากกว่าการเริ่มต้น อย่าท้อแท้กับคริสตจักรที่มีขนาดเล็กของคุณในวันนี้ เพราะมีการพยากรณ์ไว้แล้วว่า ในตอนท้ายของการรับใช้ของคุณจะมีสง่าราศีมากกว่าตอนเริ่มต้น

เพราะพระวจนะของพระเจ้าได้พยากรณ์ไว้ว่าพระสิริของพระวิหารในภายหลังจะมีสง่าราศียิ่งกว่าแต่ก่อน คุณต้องคาดหวังในบางสิ่งที่มีสง่าราศีมากกว่าสิ่งที่คุณเห็นในตอนเริ่มต้น พระเจ้าจะทรงทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และพระองค์จะทรงเพิ่มจำนวนสมาชิกคริสตจักร

แม้เบื้องต้นของท่านจะเล็กน้อย แต่ต่อไปเบื้องปลายของท่านจะใหญ่โตอย่างยิ่ง

โยบ 8:7

4. คุณจะต้องมีคริสตจักรขนาดใหญ่ เพราะศิษยาภิบาลส่วนใหญ่ถูกหลอกให้คิดว่างานสำเร็จแล้วในขณะที่มันยังไม่สำเร็จ

ในช่วงเวลาของการรับใช้ของพระเยซู พระองค์ทรงกล่าวถ้อยคำที่สำคัญมาก

...ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากนักหนา แต่คนงานยังน้อยอยู่

มัทธิว 9:37

พระคัมภีร์ข้อนี้มีความหมายว่า มีวิญญาณมากมายที่สามารถนำมาได้ มีงานมากมายสำหรับพวกเราทุกคน มีผู้คนมากมายที่ทำให้คริสตจักรของเราเต็ม

ศิษยาภิบาลหลายคนถูกหลอก โดยทึกทักเอาว่าห้องประชุมเล็กๆ ของพวกเขาเต็มแล้ว ผู้รับใช้หลายคนรู้สึกว่า พวกเขาได้ มาถึงเป้าหมาย ในการรับใช้แล้ว คุณได้รับเงินเดือนที่ดีและมีรถที่ดี พระเจ้าทรงอวยพรคุณและจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดของคุณ นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณ มาถึงเป้าหมายแล้ว อย่าปล่อยให้มารทำให้คุณตาบอดต่องานที่แท้จริงที่เราต้องทำ ซาตานเป็นผู้ที่ทำให้คริสตจักรเคลิบเคลิ้มที่จะนอนหลับ!! มันกระซิบกับใจของผู้รับใช้หลายคนว่า ทุกอย่าง โอเค นี่แหละ ใช่เลย คุณทำได้แล้ว คุณไปไกลได้เท่านี้ นี่คือทุกสิ่งที่คุณทำได้สำเร็จเพื่อพระเจ้า! ซาตานได้ทำให้ตาฝ่ายวิญญาณและตาแห่งนิมิตของผู้รับใช้พวกนี้บอดไป ศัตรูกระซิบที่หัวใจของพวกเขาว่า ทุกอย่างโอเคแล้ว นี่แหละใช่เลย คุณทำได้แล้ว!

ซาตานต้องการให้คริสตจักรของคุณยังคงมีขนาดเล็กต่อไป คริสตจักรของคุณจะมีสมาชิกน้อยลง และมันก็ได้เชลยไปมากขึ้น ขนาดของคริสตจักรแสดงให้คุณเห็นว่าขอบเขตที่ขยายขึ้น คุณก็กำลังลดจำนวนประชากรของนรกลงไป เมื่อคุณมีคริสตจักรขนาดใหญ่ ก็หมายความว่าคุณกำลังสร้างวิญญาณมากขึ้น แล้วก็ยังหมายความว่าจำนวนวิญญาณที่ได้หนีรอดจากเงื้อมมือของมารมากขึ้น

5. คุณต้องมีคริสตจักรขนาดใหญ่ เพราะพระประสงค์ของพระเจ้าคือ พระนิเวศของพระองค์จะเต็ม คริสตจักรส่วนใหญ่ไม่ได้ทำให้คนเต็ม เพราะคริสตจักรเหล่านั้นไม่ได้เป็นคริสตจักรขนาดใหญ่

นายจึงสั่งบ่าวคนนั้นว่า 'จงออกไปตามถนนและตามหนทางที่มีรั้วรอบขอบชิด บังคับให้พวกเขาเข้ามาเพื่อให้บ้านของเรามีแขกเต็ม

ลูกา 14:23

ในพระธรรมลูกา 14 องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานการสำแดงที่สำคัญแก่เรา นายพูดกับบ่าวของเขาว่า เราต้องการให้บ้านของเรามีแขกเต็ม นายในเรื่องนี้แสดงให้เห็นภาพของพระเยซู พระเยซูทรงต้องการให้พระนิเวศของพระองค์เต็ม อีกนัยหนึ่ง พระเยซูทรงต้องการให้คริสตจักรของพระองค์เต็ม พระเจ้าทรงต้องการให้คริสตจักรเต็ม! นายในเรื่องนี้ไม่พอใจที่มีคนเพียงไม่กี่คนในงานเลี้ยงของเขา แต่ถึงอย่างไร เขาก็คงจะจัดงานอยู่ดี แต่เขาต้องการให้มีคนมากขึ้นอีก และยิ่งกว่านั้น เขาต้องการให้บ้านของเขามีแขกเต็ม

พระเจ้าทรงแสดงพระประสงค์ของพระองค์ที่มีต่อคริสตจักรผ่านทางเรื่องราวนี้ พระประสงค์ของพระองค์คือมีผู้คนมากขึ้น! พระประสงค์ของพระองค์คือการเติมเต็มห้องต่างๆ! พระประสงค์ของพระองค์คือคริสตจักรที่เต้มล้น! พระประสงค์ของพระองค์คือการเป็นคริสตจักรขนาดใหญ่!

6. คุณต้องมีคริสตจักรขนาดใหญ่ เพราะทุ่งนาแห่งการเก็บเกี่ยวของคุณคือโลกนี้

พระเจ้าไม่ได้ส่งไปเราไปยังชานเมือง และพระองค์ก็ไม่ได้ส่งเราไปแค่ไม่กี่หมู่บ้าน พระองค์ทรงส่งเราไปทั่วโลก ถ้าเรามีทุ่งนาขนาดเล็กที่จะเก็บเกี่ยว เราก็จะไม่คาดหวังว่าจะได้เก็บเกี่ยวพืชผลในปริมาณมาก

พระองค์ตรัสสั่งพวกสาวกว่า "พวกท่านจงออกไปทั่วโลกประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน ใครเชื่อและรับบัพติศมาก็จะรอด แต่ใครไม่เชื่อจะต้องถูกลงโทษ

มาระโก 16:15-16

ในความจริงที่ว่า ข่าวประเสริฐจะเข้าไปถึงคนทั้งโลก ซึ่งหมายความว่าการเก็บเกี่ยววิญญาณที่เราจะนำเข้ามาจะต้องมีขนาดใหญ่มาก เราจะได้ชื่อว่าจะเป็นคนส่วนใหญ่ของประชากรโลก ถ้าหากคนส่วนใหญ่ของประชากรโลกได้รับความรอดโดยการประกาศข่าวประเสริฐแล้ว ทุกคริสตจักรก็คงจะระเบิดจนตะเข็บแตกเพราะพื้นที่ไม่พอ โปรดจำไว้ว่า มีอีกมากกว่า 6,000 ล้านดวงวิญญาณที่กำลังรอคอยให้เราไปถึงพวกเขาด้วยข่าวประเสริฐ

7. คุณต้องมีคริสตจักรขนาดใหญ่ เพราะแบบอย่างคริสตจักรในพระคัมภีร์มีสมาชิกเป็นพัน คริสตจักรในยุคแรกไม่ได้เป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดสำหรับเราที่จะทำตามหรือ? ถ้าคริสตจักรในยุคแรกมี 3,000 คน และ 5,000 คน ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นป้ายบอกทางให้กับเราหรือ? อันที่จริง ตัวเลขเหล่านี้ได้ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์เพื่อที่เราจะรู้ว่าอะไรคือจุดมุ่งหมาย

คนทั้งหลายที่รับถ้อยคำของเปโตรก็รับบัพติศมาในวันนั้น มีคนเข้าเป็นสาวกประมาณสามพันคน เขาทั้งหลายอุทิศตัวเพื่อฟังคำสอนของบรรดาอัครทูตและร่วมสามัคคีธรรม รวมทั้งหักขนมปังและอธิษฐาน

กิจการ 2:41-42 (NLT)

แต่คนจำนวนมากที่ฟังคำสอนนั้นก็เชื่อ จำนวนผู้ชายจึงเพิ่มขึ้นจนนับได้ประมาณห้าพันคน ไม่นับรวมผู้หญิงและเด็ก

กิจการ 4:4 (NLT)

8. คุณต้องมีคริสตจักรขนาดใหญ่ เพราะการมีคริสตจักรขนาดใหญ่ หมายถึงการนำวิญญาณมาสู่อาณาจักรของพระเจ้ามากขึ้น ในคริสตจักรที่มีขนาดใหญ่จะมีการให้บริการมากขึ้น มีการเชิญคนให้มารับเชื่อในที่ประชุมมากขึ้น และมีโอกาสที่คนจะได้รับความรอดมากกว่าคริสตจักรเล็กๆ จุดมุ่งหมายของผู้รับใช้แห่งข่าวประเสริฐทุกคนคือการนำวิญญาณมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ใช่หรือ? คริสตจักรขนาดใหญ่จะได้รับพระพรเพิ่มขึ้น ในการนำคนที่เข้ามาร่วมจำนวนมากไปสู่ความรอดไม่ใช่หรือ?

9. คุณต้องมีคริสตจักรขนาดใหญ่ เพราะในคริสตจักรขนาดใหญ่มีคนทำงานและแรงงานที่จะนำมาใช้ทำงานเพื่อพระเจ้ามากขึ้น

แล้วพระองค์ตรัสกับสาวกทั้งหลายของพระองค์ว่า ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากนักหนา แต่คนงานยังน้อยอยู่เพราะฉะนั้น ท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ทรงส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์

มัทธิว 9:37-38 (NLT)

คริสตจักรจะมีคนจำนวนหนึ่งของฝูงชนที่เป็นคนงานที่แท้จริง แต่ไม่ว่าสิ่งที่คุณทำหรือพูดอย่างไรก็ตาม คนอีกส่วนหนึ่งของคริสตจักรจะไม่เข้าร่วมในการทำงานรับใช้ที่แท้จริง พวกเขามักจะเป็นผู้ชมและผู้สังเกตการณ์ และมักจะเป็นผู้ที่แสดงความเห็น คนงานจะอยู่ในการรับใช้เสมอ ถ้าคุณมีฝูงชนขนาดใหญ่ขึ้น คนงานก็จะถูกส่งออกไปมากขึ้น และคุณก็จะสามารถให้การเงินที่ดีสำหรับพวกเขาได้ง่ายขึ้น

10. คุณต้องมีคริสตจักรขนาดใหญ่ เพราะผู้รับใช้แห่งข่าวประเสริฐ ศิษยาภิบาลเต็มเวลาและบิชอปได้รับการแต่งตั้งและออกไปในทุ่งนาแห่งการเก็บเกี่ยวมากขึ้นโดยทางคริสตจักรขนาดใหญ่ ในคริสตจักรที่มีขนาดใหญ่มักจะมีโปรแกรมการฝึกอบรมเพื่อที่จะผลิตผู้รับใช้ คริสตจักรที่มีสมาชิกหนึ่งหมื่นคนจะผลิตศิษยาภิบาลมากกว่าคริสตจักรที่มีสมาชิกหนึ่งร้อยคน ในความเป็นจริง ศิษยาภิบาลของคริสตจักรที่มีขนาดเล็กไม่น่าจะมีคนเพียงพอที่จะต้องการเป็นผู้รับใช้แห่งข่าวประเสริฐ

11. คุณต้องมีคริสตจักรขนาดใหญ่ เพราะในคริสตจักรขนาดใหญ่มีคนเข้าในการอธิษฐานมากกว่า เพื่อที่จะต่อสู้กับเจ้าผู้ครอบครองในย่านฟ้าอากาศ

เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับพวกภูตผีที่ครอบครอง พวกภูตผีที่มีอำนาจ พวกภูตผีที่ครองพิภพในยุคมืดนี้ ต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วในสวรรคสถาน เพราะเหตุนี้ จงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะสามารถต่อสู้ในวันชั่วร้ายนั้น และเมื่อทำทุกอย่างแล้วจะยังยืนหยัดอยู่ได้ เพราะฉะนั้น จงยืนหยัดไว้เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นเกราะป้องกันอก และเอาความพรั่งพร้อมในการประกาศข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ด้วยโล่นี้ พวกท่านจะสามารถดับลูกศรเพลิงทั้งหมดของมารร้าย จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณคือพระวจนะของพระเจ้า จงอธิษฐานในพระวิญญาณทุกเวลา โดยการอธิษฐานและการวิงวอนทุกๆ อย่าง เพราะเหตุนี้ จงเฝ้าระวังด้วยความเพียร และด้วยการวิงวอนเผื่อธรรมิกชนทุกคนอยู่เสมอ

เอเฟซัส 6:12-18

เมื่อคุณมีคริสตจักรขนาดใหญ่ ก็จะมีคำอธิษฐานไปถึงองค์พระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น เพราะเหตุนี้ ผู้คนจึงได้รับความรอดและตั้งมั่นคงมากขึ้น เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าส่งผมไปสร้างคริสตจักรในยุโรป พระองค์ทรงแสดงให้ผมเห็นบทบาทที่สำคัญอย่างหนึ่งที่เราจะทำในการสร้างราชอาณาจักรของพระองค์ขึ้นใหม่ในทวีปนั้น คุณจะเห็นว่า ยุโรปแทบจะกลายเป็นทวีปของคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า พวกเขาได้เอาพระเจ้าออกจากจิตใจ ชาวยุโรปหลายคนไม่เชื่อว่าแม้แต่พระเจ้าทรงมีอยู่จริง

หลายปีมาแล้ว ยุโรปส่งมิชชันนารีออกไปทั่วโลก แต่ตอนนี้ พวกเขามีสถานะตกต่ำลงอย่างที่สุดของการตาบอดเนื่องจากมารและการไม่เชื่อพระเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าแสดงให้ผมเห็นว่าหนึ่งในหน้าที่ของเราในฐานะคริสตจักรคือการส่งคำอธิษฐานออกไปสู่บรรยากาศที่เกี่ยวข้องกับคริสตจักรในยุโรป ในปัจจุบันนี้ ในประเทศต่างๆ อย่างเช่น สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์และอังกฤษได้รับผลมากจากการอธิษฐานวิงวอนเผื่อประเทศเหล่านั้นมากขึ้น

คริสตจักรของเราในกรุงเจนีวามีการประชุมตลอดคืนทุกคืนวันศุกร์ การอธิษฐานจากเที่ยงคืนจนถึงหกโมงเช้า พวกเขามีส่วนร่วมในการทำสงครามฝ่ายจิตวิญญาณในดินแดนที่ลืมพระเจ้า เมื่อมีคริสตจักรมากขึ้นอย่างเช่นคริสตจักรของเราออกไปยังประเทศต่างๆ แล้วก็จะเกิดการอธิษฐานมากขึ้น นี่คือหนึ่งในเหตุผลสำคัญว่าทำไมคริสตจักรขนาดใหญ่และคริสตจักรที่มีสาขาจึงเป็นสิ่งสำคัญ

เมื่อคริสตจักรเดอะไลท์เฮ้าส์ คาเธดรัล ที่ผมเป็นศิษยาภิบาลอยู่ ได้เติบโตเป็นคริสตจักรขนาดใหญ่ เราก็สามารถที่จะมีการประชุมอธิษฐานตลอดคืนได้ทุกวัน เรามีกลุ่มเล็กๆ จำนวนมากอยู่ในคริสตจักรที่เป็นไปได้ที่จะจัดให้แต่ละกลุ่มหมุนเวียนกันจัดประชุมอธิษฐานตลอดคืนได้ทุกวัน ดังนั้น เราจึงมีกลุ่มต่างๆ อธิษฐานตลอดคืนทุกคืน

ยิ่งคริสตจักรมีขนาดใหญ่มากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งจะมีการตั้งกลุ่มอธิษฐานมากขึ้น การอธิษฐานมากขึ้นมีความเป็นไปได้ในคริสตจักรขนาดใหญ่! นั่นคือเหตุผลที่มารต้องการให้คริสตจักรยังคงมีขนาดเล็ก!

12. คุณต้องมีคริสตจักรขนาดใหญ่ เพราะคริสตจักรขนาดใหญ่สร้างฝูงชนขนาดใหญ่และฝูงชนขนาดใหญ่สร้างความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่

ส่วนคนทั้งหลายนั้นกำลังรอคอยและครุ่นคิดเรื่องยอห์นว่าท่านเป็นพระคริสต์ผู้นั้นหรือไม่

ลูกา 3:15

จากการผ่านประสบการณ์มา ผมได้สังเกตเห็นว่าฝูงชนที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น ก็จะมีความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่ขึ้น เมื่อมีการชุมนุมใหญ่ของคนของพระเจ้า ก็จะมีบรรยากาศของความตื่นเต้น ความคาดหวังและความเชื่อที่แท้จริง ทำไมจึงเป็นเช่นนี้? บรรยากาศเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะสิ่งที่พวกเขาเห็นทำให้ความเชื่อของทุกคนมากขึ้น

การได้เห็นภาพของฝูงชนขนาดใหญ่เป็นแรงบันดาลใจให้กับความเชื่อและสร้างความตื่นเต้น ความเชื่อที่มารวมกันของฝูงชนยิ่งใหญ่กว่าความเชื่อของคนเพียงคนเดียว ซึ่งจะช่วยดึงเอาของประทานของพระเจ้าจากผู้รับใช้ออกมา

ข้าพเจ้าได้เทศนากับกลุ่มเล็กๆ จนถึงฝูงชนขนาดใหญ่มาก บรรยากาศฝ่ายวิญญาณของทั้งสองสถานการณ์มักจะแตกต่างกัน

13. คุณต้องมีคริสตจักรขนาดใหญ่ เพราะในคริสตจักรขนาดใหญ่ คุณจะมีการอัศจรรย์มากขึ้น เพราะฝูงชนมากขึ้นและมีความคาดหวังมากขึ้น

ส่วนฟีลิปไปยังเมืองหนึ่งในแคว้นสะมาเรีย และประกาศเรื่องพระคริสต์ให้ชาวเมืองนั้นฟัง