ขั้นตอน สู่การทรงเจิม
()
About this ebook
"สงวนสิทธิ์ทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้ภายใต้กฎหมายลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ การนําข้อความส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือเล่มนี้ไปใช้ต้องได้รับอนุญาตจากสํานักพิมพ์ เว้นแต่การอ้างข้อความสั้น ๆ ในบทวิจารณ์ หรือบทความ"
Dag Heward-Mills
Bishop Dag Heward-Mills is a medical doctor by profession and the founder of the United Denominations Originating from the Lighthouse Group of Churches (UD-OLGC). The UD-OLGC comprises over three thousand churches pastored by seasoned ministers, groomed and trained in-house. Bishop Dag Heward-Mills oversees this charismatic group of denominations, which operates in over 90 different countries in Africa, Asia, Europe, the Caribbean, Australia, and North and South America. With a ministry spanning over thirty years, Dag Heward-Mills has authored several books with bestsellers including ‘The Art of Leadership’, ‘Loyalty and Disloyalty’, and ‘The Mega Church’. He is considered to be the largest publishing author in Africa, having had his books translated into over 52 languages with more than 40 million copies in print.
Related to ขั้นตอน สู่การทรงเจิม
Related ebooks
ทําไมคริสเตียนที่ไม่ถวายสิบลดจึงยากจน...แล้วคริสเตียนที่ถวายสิบลดมั่งคั่งได้อย่างไร Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsวิญญาณชั่ว และ วิธีจัดการกับพวกมัน Rating: 5 out of 5 stars5/5อันตรายฝ่ายวิญญาณ Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsศิลปะแห่งการฟัง Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsอิทธิพล อันหอมหวาน แห่ง การทรงเจิม Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsบรรดาคนที่ลืม Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsฤทธิ์อํานาจแห่งพระโลหิต พระโลหิตของพระเยซู Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsศิลปะ การ เลียนแบบ Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsบรรดาคนที่ เย่อหยิ่ง Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsอานักคาโซ (ฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ฤทธิ์เดชเพื่อการบังคับ! Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsวิธีการ บังเกิดใหม่ และ รอดพ้น จากนรก Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsจริยธรรม ของผู้รับใช้ ฉบับที่สอง Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsไลคอส พันธกิจการรับใช้แบบฆราวาส Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsวิธีการอธิษฐาน Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsบรรดาลูกชายที่อันตราย Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsพลิกฟื้นพันธกิจศิษยาภิบาล Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsศิลปะการเลี้ยงดูแกะ Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsการสูญเสีย การทนทุกข์ การเสียสละ และการตาย Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsหลายคนได้รับการทรงเรียก Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsคริสตจักรขนาดใหญ่ Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsความผิดพลาด 10 ประการ ที่ศิษยาภิบาลมักทํา Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsคนที่ ละทิ้งคุณไป Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsคําหนุนใจ สําหรับ ลูกสาว ทั้งหลาย Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsบอกพวกเขาถึง Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsความ หมาย ของการ เป็นผู้เลี้ยง Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsการตั้งคริสตจักร Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsประกาศ! เรียกร้อง!! ยึดครอง!!! Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsทําความเข้าใจการเฝ้าเดี่ยว เคล็ดลับแห่งความเข้มแข็งฝ่ายวิญญาณ Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsคู่มือศึกษา: 1 เปโตร: การศึกษาพระคัมภีร์ทีละข้อ 1 เปโตรบทที่ 1 ถึง 5 Rating: 0 out of 5 stars0 ratings
Reviews for ขั้นตอน สู่การทรงเจิม
0 ratings0 reviews
Book preview
ขั้นตอน สู่การทรงเจิม - Dag Heward-Mills
บทที่ 1
เหตุผลเจ็ดอย่างที่คุณต้องได้รับการทรงเจิม
1. คุณต้องได้รับการทรงเจิมเพราะไม่มีใครที่สามารถทำงานรับใช้ให้สำเร็จได้โดยอำนาจฝ่ายธรรมชาติหรือโดยกำลังของมนุษย์ แต่สำเร็จได้โดยพระวิญญาณ
แล้วท่านจึงตอบข้าพเจ้าว่า ‘นี่เป็นพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่ให้ไว้กับเศรุบบาเบลว่า ไม่ใช่ด้วยกำลัง ไม่ใช่ด้วยฤทธานุภาพ แต่ด้วยวิญญาณของเรา พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ
เศคาริยาห์ 4:6
งานรับใช้ที่แท้จริงจะสำเร็จได้โดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น งานรับใช้จอมปลอมดำเนินการได้โดยครูผู้สอน ผู้บรรยาย หรือนักพูดสร้างแรงบันดาลใจคนหนึ่ง จงตัดสินใจเพื่อจะเป็นบุคคลที่มีการทรงเจิมและก้าวเข้าสู่งานรับใช้ที่แท้จริงเถิด
ยกชูงานรับใช้ของท่านขึ้นโดยฤทธิ์เดชของการทรงเจิม โดยปราศจากการทรงเจิม ท่านไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย
2. คุณต้องได้รับการทรงเจิมเพราะแม้แต่พระเยซูคริสต์ก็ยังทรงรอคอยเพื่อจะได้รับการทรงเจิมก่อนเริ่มต้นงานรับใช้ของพระองค์
เมื่อคนทั้งหลายรับบัพติศมา พระเยซูก็ทรงรับบัพติศมาด้วย ขณะที่พระองค์ทรงอธิษฐานอยู่ ท้องฟ้าก็แหวกออกและพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงรูปสัณฐานเหมือนนกพิราบเสด็จลงมาอยู่กับพระองค์ และมีพระสุรเสียงมาจากฟ้าสวรรค์ว่า ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก
เมื่อพระเยซูทรงเริ่มพระราชกิจนั้น พระองค์มี
พระชนมายุประมาณสามสิบพรรษา ในความคิดของคนทั่วไป เข้าใจว่าพระองค์เป็นบุตรของโยเซฟซึ่งเป็นบุตรของเฮลี
ลูกา 3:21-23
เหตุการณ์นี้เป็นหมายสำคัญของการเริ่มต้นงานรับใช้ของพระคริสต์ เราไม่ได้ยินถึงเรื่องราวของพระองค์จนกระทั่งเมื่อพระองค์อายุได้สามสิบปี จากเหตุการณ์ครั้งนี้คือเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ (การทรงเจิม) ประทับอยู่กับพระเยซู พระองค์ทรงเริ่มต้นเทศนา สั่งสอน และรักษาโรคให้กับผู้คน
3. คุณต้องได้รับการทรงเจิมเพราะแม้แต่บรรดาอัครทูตก็ยังได้รับการร้องขอให้รอคอยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (การทรงเจิม) ก่อนเริ่มต้นงานรับใช้ของพวกเขา
ขณะพระองค์ทรงพำนักอยู่กับพวกอัครทูต ทรงกำชับพวกเขาว่า "อย่าออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้รอคอยรับตามพระสัญญาของพระบิดา ซึ่งพวกท่านได้ยินจากเรา
กิจการ 1:4
งานรับใช้แบบไหนหรือที่คุณคิดว่าคุณสามารถทำได้โดยไม่ต้องการพระวิญญาณบริสุทธิ์? แม้แต่บรรดาอัครทูตผู้ยิ่งใหญ่ผู้ดำเนินกับพระคริสต์ก็ยังจำเป็นต้องได้รับการทรงเจิมเพื่อจะทำงานรับใช้ให้สำเร็จได้
4. คุณต้องได้รับการทรงเจิมเพราะผู้เผยพระวจนะที่ยิ่งใหญ่ เช่น เอลีชา ก็ยังร้องขอการทรงเจิมเมื่อโอกาสเปิดให้กับเขาได้ร้องขอในสิ่งที่เขาต้องการ
เอลีชาตระหนักว่างานรับใช้จะสำเร็จได้โดยผ่านทางการทรงเจิมเท่านั้น เมื่อเอลียาห์บอกให้เขาขอในสิ่งที่เขาต้องการ เขาตอบว่าเขาปรารถนาการทรงเจิมเป็นสองเท่า
เมื่อข้ามไปแล้ว เอลียาห์พูดกับเอลีชาว่า ท่านอยากให้เราทำอะไรให้ ก็จงขอเถิด ก่อนที่เราจะถูกรับไปจากท่าน
และเอลีชาตอบว่า โปรดให้ข้าพเจ้าได้รับฤทธิ์เดชของท่านสองส่วน
2 พงศ์กษัตริย์ 2:9
เขาสามารถขอสิ่งอื่นได้มากมาย เขาสามารถขอชื่อเสียงที่ดีของเอลียาห์ ขอเงินของเอลียาห์ ขอทรัพย์สมบัติของ
เอลียาห์ ขอรถ หรือแม้แต่ขอภรรยาของเอลียาห์ได้ แต่หลังจากเวลาผ่านไปหลายปีที่เขาได้ดำเนินกับเอลียาห์ เอลีชารู้ถึงเคล็ดลับแห่งงานรับใช้ของเอลียาห์ เขารู้ว่าทุกสิ่งขึ้นอยู่กับการทรงเจิม ดังนั้นเขาจึงร้องขอการทรงเจิมเป็นสองเท่า ทำไมคุณถึงแสวงหาสิ่งอื่นๆ ในเมื่อผู้เผยพระวจนะผู้ยิ่งใหญ่กลับแสวงหาการทรงเจิม?
5. คุณต้องได้รับการทรงเจิมเพราะกษัตริย์ซาอูลไม่ได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็น อีกคนหนึ่ง
จนกระทั่งเมื่อเขาได้รับการทรงเจิม
ซาอูลได้รับการเปลี่ยนแปลงจากบุคคลธรรมดาคนหนึ่งให้กลายเป็นกษัตริย์องค์หนึ่งเมื่อเขาได้รับการทรงเจิม เช่นเดียวกันคุณจะกลายเป็นบุคคลแห่งสิทธิอำนาจ (กษัตริย์) ในราชอาณาจักรของพระเจ้าเมื่อคุณได้รับการทรงเจิม
คุณอาจใช้วิธีการอื่นเพื่อชักจูงและควบคุมผู้คนได้ แต่คุณจะไม่มีวันเปลี่ยนเป็นบุคคลแห่งสิทธิอำนาจได้โดยปราศจากการทรงเจิม การทรงเจิมของพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเปลี่ยนแปลงคุณให้กลายเป็นอีกคนหนึ่ง
แล้วซามูเอลก็หยิบขวดน้ำมันเทลงบนศีรษะของซาอูล และจูบท่านแล้วกล่าวว่า "พระยาห์เวห์ทรงเจิมท่านไว้ให้เป็นผู้นำเหนือมรดกของพระองค์แล้วไม่ใช่หรือ?
1 ซามูเอล 10:1
แล้วพระวิญญาณของพระยาห์เวห์จะทรงสวมทับท่าน และท่านจะเผยพระวจนะกับคนเหล่านั้น ท่านจะถูกเปลี่ยนเป็นคนละคน
1 ซามูเอล 10:6
6. คุณต้องได้รับการทรงเจิมเพราะกษัตริย์ดาวิด ผู้เขียนสดุดีและเขียนพระคัมภีร์ที่มีการทรงเจิม ได้ยอมรับถึงพระพรทั้งหมดของเขาที่มาจากการทรงเจิมอันบริสุทธิ์
ดาวิดกล่าวว่าการทรงเจิมนั้นมีอิทธิพลต่อเกือบทุกด้านในชีวิตของเขา ผู้ที่มีชีวิตฝ่ายวิญญาณสูงส่งย่อมตระหนักถึงการได้รับอิทธิพลอันทรงพลังของการทรงเจิมในด้านต่างๆของชีวิตของพวกเขา
ในสดุดีบทที่ 99 เราพบว่ากษัตริย์ดาวิดร้องเพลงสดุดีบทหนึ่งในท่ามกลางบทเพลงสดุดีอันไพเราะที่สุดของเขา ในบทเพลสดุดีนั้นเขาได้พรรณาถึงการทรงเจิมอันทรงพลานุภาพที่มีเหนือชีวิตของเขา เขากล่าวถึงการช่วยหลือ กำลัง การสถาปนา การสั่งสอน และสิทธิอำนาจ ว่าเป็นสิ่งที่ได้รับมาจากการทรงเจิม
ถ้าหากผู้เขียนสดุดีที่มีการทรงเจิมยังกล่าวว่าสิ่งต่างๆทั้งหมดเหล่านี้ได้รับมาจากการทรงเจิมแล้ว คุณจะคาดหวังเพื่อได้รับสิ่งเดียวกันนี้โดยปราศจากการทรงเจิมได้หรือ? คุณจะต่อว่ากษัตริย์ดาวิดได้หรือเมื่อเขาคร่ำครวญต่อพระเจ้าว่า ขออย่าพรากพระวิญญาณบริสุทธิ์ไปจากข้าพระองค์
ขออย่าทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ไปจากพระพักตร์พระองค์ และขออย่าทรงนำพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ไปจากข้าพระองค์
สดุดี 51:11
พระวิญญาณบริสุทธิ์ (การทรงเจิม) เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุดสำหรับเขา
7. การทรงเจิมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพราะโมเสสได้ปฏิเสธที่จะทำงานรับใช้ต่อไปหากไม่มีการทรงเจิม
ถ้าแม้แต่โมเสสเองยังไม่ก้าวต่อแม้อีกหนึ่งก้าวโดยปราศจากการทรงเจิม แล้วคุณจะมั่นใจในการทำงานรับใช้โดยปราศจากการทรงเจิมได้อย่างไร?
ในพระธรรมอพยพ เรามองเห็นว่าโมเสสปฏิเสธที่จะทำงานรับใช้ต่อไปถ้าหากพระเจ้าทรงเอาฤทธิ์เดชแห่ง
การทรงเจิมออกไปจากเขา
เมื่อโมเสสกล่าวถึงการทรงสถิต เขากำลังกล่าวถึงการเจิมและฤทธิ์เดชของพระเจ้า
แล้วโมเสสจึงกราบทูลพระองค์ว่า "ถ้าพระองค์ไม่เสด็จไปกับข้าพระองค์ ก็ขออย่าทรงนำพวกข้าพระองค์ขึ้นไปจากที่นี่เลยทำอย่างไรใครๆ จะทราบได้ว่า ข้าพระองค์และประชากรของพระองค์เป็นที่โปรดปรานในสาย
พระเนตรของพระองค์แล้ว นอกจากพระองค์จะเสด็จไปกับพวกข้าพระองค์ด้วยไม่ใช่หรือ? ดังนั้นข้าพระองค์และประชากรของพระองค์ จึงแตกต่างจากชนชาติอื่นๆ ทั่วโลกพระยาห์เวห์ตรัสตอบโมเสสว่า
สิ่งที่เจ้าขอนั้นเราจะทำให้ เพราะว่าเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของเราแล้ว และเรารู้จักชื่อของเจ้าโมเสสจึงกราบทูลว่า
ขอทรงสำแดงพระสิริของพระองค์แก่ข้าพระองค์เถิดพระองค์จึงตรัสตอบว่า
เราจะให้คุณความดีทั้งสิ้นของเรา
ประจักษ์แจ้งต่อหน้าเจ้า และเราจะประกาศนามของยาห์เวห์ต่อหน้าเจ้า เราประสงค์จะโปรดปรานผู้ใดก็จะโปรดปรานผู้นั้น และเราประสงค์จะเมตตาผู้ใด เราก็จะเมตตาผู้นั้น"
อพยพ 33:15-19
บทที่ 2
อิทธิพลอันทรงพลังของการทรงเจิมสิบห้าประการ เหนืองานรับใช้ของคุณ
ในกาลก่อน พระองค์ตรัสด้วยนิมิต แก่ผู้จงรักภักดีของพระองค์ และตรัสว่า "เราได้ให้ความช่วยเหลือแก่นักรบคนหนึ่ง เราได้ยกย่องคนที่เราเลือกจากประชาชนเราได้พบดาวิดผู้รับใช้ของเรา เราได้เจิมเขาไว้ด้วยน้ำมันบริสุทธิ์ของเราเพื่อมือของเราจะอยู่กับเขา และแขนของเราจะเสริมกำลังของเขา
สดุดี 89:19-21
หนึ่งในบทเพลสดุดีอันไพเราะบทหนึ่งในพันธสัญญาเดิม กษัตริย์ดาวิดร้องเป็นบทเพลงเกี่ยวกับพระพรที่เขาได้รับเพราะว่าเขามีการทรงเจิม
จากประสบการณ์ของผม ผมพบเพียงไม่กี่คนที่สามารถเชื่อมโยงพระพรของพวกเขาไปยังแหล่งกำเนิดที่แท้จริงของพระพรเหล่านั้นได้ พวกเขาไม่รู้ว่าพระพรของพวกเขามาจากที่ไหนและมาได้อย่างไร ไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขามีอยู่ นี่มักจะกลายเป็นต้นกำเนิดของการไม่สำนึกในพระคุณและกบฎ ผมคิดว่าคุณภาพที่สำคัญคือการสามารถคิดอย่างลึกซึ้งและตระหนักถึงแหล่งกำเนิดของพระพรทั้งสิ้นได้
การได้อ่านสิ่งที่ดาวิดเขียนถึงผลประโยชน์ทั้งสิ้นที่ได้รับจากการทรงเจิมนั้นเป็นสิ่งที่ดีเลิศมาก เขาเห็นคุณค่าของการทรงเจิมอย่างมากและบ่อยครั้งที่เขากล่าวถึงตัวของเขาเองว่าเป็น ผู้ที่ได้รับการทรงเจิมขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ขอพระเจ้าเปิดตาของคุณให้มองเห็นคุณค่าของการทรงเจิมของพระองค์ในชีวิตและในงานรับใช้ของคุณเถิด!
ผมเชื่อว่าถ้าหากมีผู้รับใช้ที่สามารถมองเห็นว่าการทรงเจิมทำอะไรได้มากขึ้น พวกเขาจะยิ่งปรารถนาการทรงเจิมมากขึ้นและแสวงหาการทรงเจิมมากกว่าสิ่งอื่น ถ้าหากการทรงเจิมมีอิทธิพลเหนือชีวิตของดาวิด คุณต้องคาดหวังการทรงเจิมเพื่อจะได้รับอิทธิพลอย่างเดียวกันนี้เหนือชีวิตและงานรับใช้ของคุณ!
1. การทรงเจิมจะส่งผลให้คุณได้รับความช่วยเหลืออย่างเหนือธรรมชาติสำหรับชีวิตและงานรับใช้ของคุณ
ดาวิดรู้สึกได้ว่างานรับใช้ของเขาในฐานะกษัตริย์นั้นได้รับความช่วยเหลือเพราะการทรงเจิม เขาพูดว่า..
..และ(พระเจ้า) ตรัสว่า เราได้ให้ความช่วยเหลือแก่นักรบคนหนึ่ง..
สดุดี 89:19ข ฉบับ NASB
2. การทรงเจิมจะทำให้คุณได้รับการยกชูสูงขึ้นในงานรับใช้
ดาวิดมองเห็นการยกชูขึ้นว่าเป็นผลจากการทรงเจิม
..เราได้ยกย่องคนที่เราเลือกจากประชาชน
สดุดี 89:19ค ฉบับ NASB
3. การทรงเจิมจะสถาปนาคุณในงานรับใช้
คุณสามารถมองเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างงานรับใช้ที่ได้รับการสถาปนาโดยพระเจ้ากับงานรับใช้ที่ไม่ได้รับการสถาปนา กษัตริย์ดาวิดได้รับการสถาปนาเพราะการทรงเจิม
เราได้พบดาวิดผู้รับใช้ของเรา เราได้เจิมเขาไว้ด้วยน้ำมันบริสุทธิ์ของเราเพื่อมือของเราจะสถาปนาเขา...
สดุดี 89:20-21 ฉบับ NASB
4. การทรงเจิมจะนำการเสริมกำลังเข้ามายังงานรับใช้ของคุณ
มีหลายครั้งที่ผู้รับใช้อ่อนแอในการเทศนาและในงานรับใช้ของพวกเขา กำลังแห่งการปลดปล่อยและพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนเหือดหายไป แต่การทรงเจิมจะเคลื่อนเอาความอ่อนแอทุกรูปแบบออกไปจากชีวิตและงานรับใช้ของคุณ กษัตริย์ดาวิดรู้สึกได้ว่าเขาเข้มแข็งขึ้นเพราะการทรงเจิม ดาวิดกล่าวว่า..
...และแขนของเรา (พระเจ้า) จะเสริมกำลังของเขา
สดุดี 89:21 ฉบับ NASB
5. การทรงเจิมจะปกป้องคุณจากการหลอกลวง
ความชั่วอย่างหนึ่งที่ห้อมล้อมบรรดาผู้รับใช้คือการหลอกลวง การหลอกลวงนำไปสู่ความมืดบอดและการเสแสร้งในงานรับใช้ ผู้รับใช้ที่มีประสบการณ์จำนวนมากที่มีจุดบอดใหญ่