Discover millions of ebooks, audiobooks, and so much more with a free trial

Only $11.99/month after trial. Cancel anytime.

เกิดใหม่: อย่าเย็นชากับข้า
เกิดใหม่: อย่าเย็นชากับข้า
เกิดใหม่: อย่าเย็นชากับข้า
Ebook551 pages58 minutes

เกิดใหม่: อย่าเย็นชากับข้า

Rating: 0 out of 5 stars

()

Read preview

About this ebook

ซูโม่หว่าน ทหารรุ่นลูกที่มีพ่อแม่เป็นทหารในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ระหว่างการฝึกรบภาคสนาม เธอบังเอิญทะลุมิติมาเป็นคุณหนูรองบุตรอนุในจวนแม่ทัพ
เธอสู้ในสนามรบเป็นเวลาสองปี แต่สิ่งที่ได้รับคือการทรยศเท่านั้น จากนั้นทะลุมิติมาเจ้าของร่างเดิมโดนพี่สาวแย่งคนรักก็แล้วไป ยังถูกบังคับให้แต่งงานกับท่านอ๋องเทพสงครามขาพิการ
เธอจะยอมแพ้พ่ายต่อโชคชะตาอย่างง่ายดายหรือไม่
เธอไปสู้ในสนามรบ หรือทำอาหารในห้องครัว จัดการเรื่องความสัมพันธ์ของท่านอ๋องพิการไปด้วย หาเงินทําธุรกิจไปด้วย
พระชายามีความสามารถทุกอย่าง ท่านอ๋องเทพสงครามโดนว่าเกาะผู้หญิงกิน
ท่านอ๋องโกรธมาก “โว้ย! ข้าไม่ใช่ผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกิน!”
วันหนึ่งในค่ำคืนที่พระจันทร์สีเงินอยู่บนท้องฟ้า ซูโม่หว่านมองร่างสูงตระหง่านที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวที่หน้าเตียง เธอเอามือกุมตู้โตวด้วยความประหลาดใจ “ท่านอ๋อง ขาของท่านไม่เป็นไรหรือ”
หยักยิ้มเล็กน้อยและโน้มตัวไปข้างหน้า "เจ้าถามขาไหนของข้า"

Languageภาษาไทย
PublisherPublishdrive
Release dateMay 6, 2023
เกิดใหม่: อย่าเย็นชากับข้า

Related to เกิดใหม่

Titles in the series (1)

View More

Related ebooks

Reviews for เกิดใหม่

Rating: 0 out of 5 stars
0 ratings

0 ratings0 reviews

What did you think?

Tap to rate

Review must be at least 10 words

    Book preview

    เกิดใหม่ - popnovel

    สารบัญ

    บทที่ 1 การแต่งงานที่ถูกพรากไป

    บทที่ 2 ได้ยินมาว่าฉินอ๋องชื่นชอบเจ้า?

    บทที่ 3 แต่งกับฉินอ๋องสิบวันหลังจากนี้ !

    บทที่ 4 คุณหนูรองหายตัวไปแล้ว !

    บทที่ 5 หิ้วคนกลับมาให้ได้ !

    บทที่ 6 ลมกระโชกแรงวูบหนึ่ง

    บทที่ 7 ตบแต่งพร้อมกันทีเดียวสองคน !

    บทที่ 8 พระชายารองเสิ่นมาหาเรื่องถึงตำหนัก

    บทที่ 9 ตบหน้านางหนึ่งฉาด

    บทที่ 10 พบฉินอ๋องมู่หรงจิ่งอีกครั้ง

    บทที่ 11 เปิ่นหวางเป็นคนมองอะไรผิวเผินเช่นนั้นหรือ ?

    บทที่ 12 การปะทะกันครั้งแรก และการปรนนิบัติบรรทม

    บทที่ 13 คืนนี้ท่านอ๋องทรงประทับค้างคืนที่ใด?

    บทที่ 14 เปิ่นหวางสั่งให้มานี่ !

    บทที่ 15 หรือว่าต้องให้เปิ่นหวางห่มให้เจ้าด้วยตัวเองงั้นหรือ ?

    บทที่ 16 ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น !

    บทที่ 17 บำรุงร่างกายให้พระชายารองซู

    บทที่ 18 มาหาเรื่องอีกแล้ว !

    บทที่ 19 แต่งออกมาได้สภาพเยี่ยงนี้ ?

    บทที่ 20 ตามเปิ่นหวางขึ้นมาเดี๋ยวนี้ !

    บทที่ 21 ลาก่อนฉู่อ๋อง มู่หรงจิ่น

    ตอนที่ 22 เข้าเฝ้าฮองเฮาที่พระตำหนักจิ่งหยาง

    บทที่ 23 พิธียกน้ำชา ขจัดความแข็งกร้าว

    บทที่ 24 การโจมตีของเซียวกุ้ยเฟย

    บทที่ 25 ลูกสะใภ้ทั้งหลายเข้ามาให้เสด็จพ่อทอดพระเนตรกันหน่อยมา !

    บทที่ 26 ทั้งกากทั้งชามก็กินเข้าไปด้วยแล้ว !

    บทที่ 27 ผู้ใหญ่เบื้องบนประพฤติมิชอบผู้น้อยระดับล่างก็ย่อมจะทำตาม !

    บทที่ 28 นางเป็นคนเจ้าอารมณ์?

    บทที่ 29 หม่อมฉันอายนะเพคะ !

    บทที่ 30 มิได้พบเพียงหนึ่งวันราวจากกันนานสามปี !

    บทที่ 31 ความปรารถนาของข้าคือ โลกที่สงบสุข

    บทที่ 32 ไม่ใช่ว่ายังเป็นหนุ่มพรหมจรรย์อยู่หรอกนะ

    บทที่ 33 อย่าคิดถึงชายอื่นบนเตียงของเปิ่นหวาง !

    บทที่ 34 กลับจวน เยี่ยมเยียนบ้านเจ้าสาว

    บทที่ 35 คุณชายใหญ่ซูโม่ไป๋

    บทที่ 36 บอกว่าเธอยั่วยวนผู้ชาย

    บทที่ 37 ไม่ได้บีบผิด เปิ่นหวางอยากจะบีบเจ้านั่นแหละ

    บทที่ 38 ถูกลอบสังหาร ถูกธนูยิง

    บทที่ 39 เจ้ายังคิดจะนอนติดอยู่บนเตียงของเปิ่นหวางไม่ลุกไปไหนอีกนานเท่าใด

    ตอนที่ 40 เจ้าสนิทกับฉู่อ๋องมาก?

    บทที่ 41 นี่พระชายารองซูทรงแท้งบุตรแล้ว?

    บทที่ 42 ก็ต้องดูความจริงใจของน้องเขยแล้ว

    บทที่ 43 หาว่าเปิ่นหวางเคลื่อนไหวไม่เร็วพอ?

    บทที่ 44 เจ้าจะให้ผลประโยชน์อันใดกับข้า?

    บทที่ 45 หญิงคณิกาของหอโคมเขียวที่ใดจะมีเวลาว่างมารำลึกความหลังกับเจ้ากลางดึกกลางดื่น?

    บทที่ 46 ให้ตายเถอะกิจการร้านค้าสินเดิมเจ้าสาว ขาดทุนหมดทุกร้าน

    บทที่ 47 พบผู้ดูแลร้านทั้งสามครั้งแรก

    บทที่ 48 ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งและองค์หญิงเจ็ด

    บทที่ 49 สามคุณชายเจ้าสำราญแห่งเมืองหลวง

    บทที่ 50 ผลลัพธ์เบื้องต้น และความคิดใหม่

    บทที่ 51 จะไม่ทนกับความอึดอัดคับข้องใจนั่นหรอกนะ

    บทที่ 52 ตั้งราคาเท่าใดถึงจะเหมาะสม?

    บทที่ 53 เปิ่นหวางไม่ชอบกินน้ำส้ม!

    บทที่ 54 ไยต้องให้ข้าไปด้วย?

    บทที่ 55 ขังนางเพิ่มอีกสิบวัน !

    บทที่ 56 ภัตตาคารเกิดปัญหา !

    บทที่ 57 ไก่ป่า และลูกพี่ลูกน้อง

    บทที่ 58 หกร้อยตำลึงและความร่วมมือเป็นไปด้วยดี

    บทที่ 59 ย่อมต้องเป็นยาป้องกันแท้งบุตรอยู่แล้ว

    บทที่ 60 แม่นางคนนี้คล้ายกับเจ้าอยู่หน่อย ๆ นะ

    บทที่ 61 ป้ายหยกประมุขนิกายเซียวเหยา

    บทที่ 62 พี่สะใภ้รองในอนาคต

    บทที่ 63 ท่านอ๋องทรงถูกสวมหมวกเขียวแล้วจริง ๆ ด้วย

    บทที่ 64 แต่จันทรากลับทอแสงส่องคูน้ำตั้งแต่แรกแล้ว

    บทที่ 65 คนเราก็มีทั้งสภาพปกติ และก็ไม่ปกติกันทั้งนั้นแหละ

    บทที่ 66 เปิดโปงเถ้าแก่หลี่

    บทที่ 67 ป่วยเป็นอันใดทำไมถึงได้รุนแรงเช่นนี้?

    บทที่ 68 ลงมือทำอาหารให้เขาด้วยตัวเอง

    บทที่ 69 คุณชายถังดูแปลก ๆ

    บทที่ 70 ล่องเรือ เซียวเซียงปี้อิ่ง

    บทที่ 71 เจ้าหนุ่มหน้าอ่อนที่โผล่มา

    บทที่ 72 ซ่างกวนช่วยข้าด้วย !

    บทที่ 73 ทำไมเป็นเจ้าอีกแล้ว !

    บทที่ 74 เที่ยวตลาดเจอคนรู้จัก

    บทที่ 75 เหลวไหลจริง ๆ !

    บทที่ 76 ท่านอ๋องเสด็จไปหอหมื่นบุปผาแล้ว!

    บทที่ 1 การแต่งงานที่ถูกพรากไป

    ผัวะ!

    เสียงดังก้องกังวาน

    บนใบหน้าพลันปวดแปลบ ซูโม่หว่านลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ใบหน้าสวยสดงดงามของหญิงสาวที่สวมชุดผ้าไหมแพรหรูหรา พร้อมกับใบหน้าที่แต่งแต้มอย่างละเมียดละไมสะท้อนอยู่ในดวงตา

    เมื่อเห็นนางตื่น หญิงสาวก็แสยะยิ้มอย่างร้ายกาจ

    โธ่ ร่างกายอ่อนแอบอบบางเช่นนี้ จะตบแต่งกับฉู่อ๋องได้อย่างไรกัน? เป็นคางคกแต่อยากกินเนื้อหงส์! ถุย! 

    บนใบหน้ามีอาการปวดแสบปวดร้อน ซูโม่หว่านรู้สึกมึนศรีษะเล็กน้อย

    เดิมทีเธอเป็นทหารรุ่นลูกที่มีพ่อแม่เป็นทหารในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ระหว่างการฝึกรบภาคสนามเมื่อสองปีก่อน เธอบังเอิญทะลุมิติมายังสถานที่ซึ่งเรียกว่าแคว้นอวิ๋นโม่แห่งนี้โดยไม่คาดคิด กลายเป็นคุณหนูรองบุตรอนุในจวนแม่ทัพ

    หญิงสาวที่แต่งหน้างามเลิศดุจมัจฉาจมวารีปักษีตกนภาตรงหน้าเธอคนนี้ เป็นบุตรฮูหยินเอกในจวนแม่ทัพ พี่สาวของเธอ ซูฮว่าเยวี่ย

    แม้ว่าซูฮว่าเยวี่ยจะเกิดก่อนเธอเพียงแค่เค่อเดียวเท่านั้น

    ซูโม่หว่านแตะหน้าผากที่เจ็บแปลบ สัมผัสได้ถึงความเหนียวหนืดเปียกๆ เมื่อเอามือลงถึงได้เห็นว่าเป็นปื้นสีแดงอย่างน่าตกใจ!

    ลงมือได้โหดเหี้ยมขนาดนี้ ซูฮว่าเยวี่ยกล้าดียังไง?

    ไม่รู้จริงๆ หรือว่าเธอกำลังจะแต่งงานในอีกสองวันข้างหน้านี้แล้ว?

    น้องข้า เหตุใดเจ้าถึงได้จ้องพี่เขม็งแบบนั้นเล่า? เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่เสียหน่อย! ชุนเหมยเจ้าว่าใช่หรือไม่? ซูฮว่าเยวี่ยกล่าวกับสาวใช้ที่ยืนข้างนางด้วยรอยยิ้มนุ่มนวลน่ารัก

    เห็นได้ชัดว่าสาวใช้ที่ชื่อชุนเหมยนึกไม่ถึงว่านายของตนจะลงมือได้หนักถึงเพียงนี้ พลันตะลึงงัน แล้วรีบร้อนตอบกลับไปว่า ใช่ๆๆ ! นี่ล้วนเป็นเพราะคุณหนูรองซุ่มซ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือจนได้แผลเอง! ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณหนูใหญ่เลยเจ้าค่ะ!

    ซูโม่หว่านมองดูนายบ่าวสองคนที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ก็หัวเราะออกมาในทันที    

    ราวกับว่ามิอาจเข้าใจว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เหตุใดนางยังคงหัวเราะออกมาได้ ซูฮว่าเยวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงชิงชังว่า เจ้าหัวเราะอันใด?!

    ซูโม่หว่านเหลือบมองไปที่นายบ่าวสองคนนั้นแวบหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า ซูฮว่าเยวี่ย

    ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยคำเตือนอย่างประจักษ์ชัดแจ้ง

    พี่สาวคนนี้ไม่ลงรอยกับตัวเองมาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยปิดบังความรังเกียจและความดูถูกที่มีต่อเธอทั้งต่อหน้าและลับหลังเลย

    แต่อย่างไรก็ตาม ซูฮว่าเยวี่ยไม่กล้าลงไม้ลงมือกับเธอมาก่อนเลย

    โธ่ ชุนเหมย เจ้าดูสิว่าคุณหนูรองหัวกระแทกจนเอ๋อไปแล้วใช่หรือไม่? นี่นางจำพี่สาวคนนี้ไม่ได้แล้วหรืออย่างไร? ซูฮว่าเยวี่ยแสร้งกล่าวด้วยความประหลาดใจ

    ทันทีที่พูดจบ นางก็ถอยหลังไปครึ่งก้าวเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของซูโม่หว่าน

    ซูโม่หว่านไม่สนใจ ขมวดคิ้วมองไปรอบๆ ถึงได้ตระหนักว่าตัวเองนอนแผ่อยู่บนพื้น ขณะกำลังคิดจะหยัดกายลุกขึ้น ทันใดนั้นรองเท้าปักลายดอกสีแดงงดงามประณีตข้างหนึ่งก็ยื่นมาถึงตรงหน้า แล้วก็เตะเข้าที่หัวไหล่ของเธอก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้!

    ร่างที่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้น พริบตาเดียวก็ล้มลงไปที่พื้นอีกครั้ง!

    ซูฮว่าเยวี่ยมองลงไปที่ซูโม่หว่านที่ถูกเตะลงไปกองที่พื้น ความสุขอย่างไร้ขีดจำกัดฉายวาบอยู่ในดวงตา!

    หึ! ดูเหมือนว่าน้องข้าจะมองเห็นสถานการณ์ของตนเองไม่ชัดแจ้ง! ไม่เป็นไรข้าจะบอกให้เจ้าก็ได้ ท่านพ่อรับปากจะให้ข้าตบแต่งเข้าตำหนักฉู่อ๋องแล้ว ฉะนั้นเจ้าจะไปไหนก็ไปอย่ามาเกะกะลูกตาแถวนี้!

    อะไรนะ ! ให้ซูฮว่าเยวี่ยแต่งเข้าตำหนักฉู่อ๋อง?

    ความงงงวยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูโม่หว่าน คนที่หมั้นหมายไว้กับตำหนักฉู่อ๋องคือเธอชัดๆ !

    ชั่วขณะหนึ่งซูโม่หว่านไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ก่อนหน้านี้ที่คนจากตำหนักฉู่อ๋องมาทาบทามสู่ขอที่จวน บิดาก็อนุญาตให้เธอตบแต่งกับฉู่อ๋องแล้วชัดๆ !

    เมื่อคิดจะยันพื้นด้วยมือ ถึงได้ตระหนักว่าตัวเองไม่สามารถออกแรงได้เลยแม้แต่นิดเดียว!

    สีหน้าของซูโม่หว่านพลันมืดครึ้มลง 

    ลักษณะเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเธอถูกวางยาพิษให้ร่างกายอ่อนกำลัง มิน่าล่ะซูฮว่าเยวี่ยถึงได้กล้าลงไม้ลงมือกับเธอ!

    ซูฮว่าเยวี่ย เจ้าแอบทำอะไรอย่างบางลับหลังกับข้าตั้งแต่เมื่อใด?

    สายตาของเธอโหดเหี้ยมดุร้าย ซูฮว่าเยวี่ยรู้สึกหวาดกลัวไปชั่วขณะจนก้าวถอยหลังไปสองก้าวก่อนจะยืนอย่างมั่นคง น้องสาวที่แสนดีของข้า เจ้าคิดจะปรักปรำพี่หรือนี่ คนที่แอบทำอะไรกับชาของเจ้าไม่ใช่พี่เสียหน่อย แต่เป็นมารดา เพียงแต่ว่า……

    ซูฮว่าเยวี่ยเว้นช่วงไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอย่างมุ่งร้ายว่า นี่คือสิ่งที่บิดาอนุญาตเป็นนัยๆ แล้ว! เจ้าก็ยอมรับชะตากรรมอย่างเชื่อฟังเถิด!

    บทที่ 2 ได้ยินมาว่าฉินอ๋องชื่นชอบเจ้า?

    บิดาอนุญาตแล้ว?

    แววตาของซูโม่หว่านพลันมืดมนลง

    ยังนึกว่าบิดาจะปฏิบัติต่อเธอแตกต่างออกไป แต่สุดท้ายแล้วระหว่างบุตรฮูหยินเอกและบุตรอนุก็ยังมีน้ำหนักที่แตกต่างกันในใจเขาอยู่ดี แม้ว่าเธอจะช่วยเขาจัดการกับศัตรูมากมายในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ก็ตาม!

    ซูหลิ่วซื่อไม่ใช่มารดาแท้ๆ ของเธอ จะทำร้ายเธออย่างไรเธอล้วนไม่ใส่ใจ แต่บิดาของเธอ……

    ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นบิดาผู้ให้กำเนิดร่างนี้ อีกทั้งปกติเขาก็รักเธอมากอีกด้วย!

    รู้ทั้งรู้ว่าเธอชมชอบฉู่อ๋อง เขาหักใจทำอย่างนี้ได้ยังไง!

    เมื่อซูฮว่าเยวี่ยเห็นนางไม่พูดไม่จา คิดว่าเธอรู้ความและยอมรับชะตากรรมแล้ว จึงกล่าวด้วยความรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นว่า โอ้ ข้าลืมบอกกล่าวกับน้องไปเลยว่าวันนี้จวนแม่ทัพของเรายังมีเรื่องมงคลใหญ่อีกเรื่องด้วยล่ะ

    ขณะพูดนางก็เดินเข้าไปใกล้อีกสองก้าว มองไปยังซูโม่หว่านที่ไร้เรี่ยวแรงจะลุกขึ้นมา แล้วกล่าวอย่างคลุมเครือว่า คนจากตำหนักฉินอ๋องมาทาบทามสู่ขอถึงจวนแล้ว พี่สาวอย่างข้ากำลังจะตบแต่งเข้าไปเป็นชายาเอกในตำหนักฉู่อ๋องแล้ว น้องก็ได้แต่ต้องไปเป็นชายารองในตำหนักฉินอ๋องแล้วสิ ช่างน่าเสียดายจริงๆ —

    เมื่อพูดตรงนี้ ซูฮว่าเยวี่ยก็เว้นช่วงอีกครั้ง จากนั้นบังริมฝีปากแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่องว่า คิดว่าน้องน่าจะยังไม่รู้กระมัง! ฉินอ๋องที่เจ้ากำลังจะแต่งด้วย เทพแห่งสงครามอวิ๋นโม่ของเราท่านอ๋องมู่หรงจิ่ง ร่างกายเป็นอัมพาตครึ่งท่อน ทำได้เพียงนั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น! โธ่เอ๋ย ฉินอ๋องในตอนนั้นชนะใจหญิงสาวได้ตั้งเท่าใด แต่ในตอนนี้กลับ...จะโชคดีโชคร้ายสวรรค์เป็นผู้ลิขิตจริงๆ เคยเป็นผู้ที่รุ่งโรจน์มากถึงเพียงนั้น ช่างทำให้คนนึกเสียดายจริงๆ !

    ได้ยินเช่นนี้ ซูโม่หว่านพลันตะลึงงัน

    มู่หรงจิ่งเป็นอัมพาตครึ่งท่อน?

    ในปีนั้นเธอรู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บที่ขา นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะร้ายแรงถึงขั้นต้องใช้รถเข็น?

    ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมเขาถึงมาทาบทามสู่ขอที่จวนแม่ทัพ?

    จ้องข้าไปไย? ข้าก็ไม่กลัวที่จะบอกเจ้าหรอกนะ หากว่าวันนี้ตำหนักฉินอ๋องไม่ได้มาทาบทามสู่ขอคนถึงจวน เจ้าก็ยังคงได้ตบแต่งกับฉู่อ๋องอยู่เช่นเดิม!

    ซูฮว่าเยวี่ยมองลงไปที่ซูโม่หว่าน ด้วยสีหน้าท่าทางดุร้ายสุดจะพรรณนา ซูโม่หว่านมีสิทธิ์อันใดถึงสามารถตบแต่งไปเป็นชายาเอกแห่งตำหนักฉู่อ๋อง แล้วนางได้แต่ตบแต่งไปเป็นชายารองแห่งตำหนักฉินอ๋อง? ฉินอ๋องที่มีสภาพเป็นอัมพาตครึ่งท่อนผู้นั้น ไหนเลยจะคู่ควรกับนาง!

    เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ใบหน้าที่ดุร้ายก็กลับกลายเป็นใบหน้าได้ใจอีกครั้ง ผู้ที่บิดาและมารดารักมากที่สุดก็คือนางซูฮว่าเยวี่ยผู้นี้!

    เมื่อเห็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของพี่สาว ซูโม่หว่านก็ถอนสายตากลับมา แล้วกล่าวอย่างราบเรียบว่า ได้ยินมาว่าฉินอ๋องชื่นชอบเจ้า?

    ซูฮว่าเยวี่ยก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าวด้วยความตกใจ ความตื่นตระหนกฉายวาบผ่านดวงตา กำแขนเสื้อแล้วกล่าวว่า แล้วอย่างไร! ถึงอย่างไรท่านพ่อก็ตอบตกลงให้ข้าแต่งเข้าตำหนักฉู่อ๋องแล้ว!

    ฉู่อ๋องมู่หรงจิ่น โอรสคนที่สี่ของฮ่องเต้ บุคลิกอ่อนโยนท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาดุจหยกงามที่ฝังอยู่บนหมวก เป็นบุรุษหนุ่มรูปงามกิริยามารยาทความรู้ความสามารถเพียบพร้อม และมีกลิ่นอายความสูงส่งอย่างยากที่จะเอื้อมถึง 

    ซูโม่หว่านกับเขารู้จักกันมานาน และชื่นชอบเขามาตั้งนานแล้ว

    แต่ในตอนนี้กลับถูกซูฮว่าเยวี่ยก่อกวน เธอจึงต้องตบแต่งกับฉินอ๋องมู่หรงจิ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    เมื่อนึกถึงมู่หรงจิ่ง มุมปากของซูโม่หว่านก็กระตุก

    คิดไม่ถึงเลยว่าบิดาจะให้เธอแต่งงานกับคนแบบนั้นจริงๆ !

    เมื่อเห็นว่าซูโม่หว่านยังคงยิ้มออกมาได้ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ จู่ๆ ซูฮว่าเยวี่ยก็รู้สึกว่าการเยาะเย้ยถากถางเมื่อครู่นี้ช่างสูญเปล่าสิ้นดี! นางกล่าวอย่างไม่ยินยอมว่า เจ้าได้ยินไม่ชัดหรืออย่างไร? เจ้ากำลังจะตบแต่งกับชายพิการ!

    ซูฮว่าเยวี่ย ข้าเฝ้าถามตัวเองว่าไม่เคยขัดขวางอันใดเจ้าเลย แต่เจ้ากลับพุ่งเป้ามาที่ข้าทุกทาง ข้าไม่ถือสาเอาความต่อเรื่องราวทั้งหมดในก่อนหน้านี้ได้ แต่นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เจ้าจะฉกฉวยแย่งชิงของที่เป็นของข้าไปได้ จะไม่มีครั้งต่อไปอีก!

    เมื่อซูโม่หว่านพูดจบก็หลับตาลง

    เธอกับมู่หรงจิ่น...สุดท้ายแล้วก็ไม่มีโชคชะตาวาสนาต่อกัน

    เมื่อเห็นท่าทีไม่แยแสเช่นนี้ของนาง หัวใจของซูฮว่าเยวี่ยก็พลุ่งพล่านด้วยความริษยา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม เฮอะๆ ไม่เคยขัดขวางข้างั้นหรือ? นี่เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือว่าเพียงแสร้งโง่กันแน่?! ซูโม่หว่าน เห็นได้ชัดว่าข้าเป็นถึงบุตรสาวฮูหยินเอกแห่งจวนแม่ทัพ! ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้ามีสิทธิ์อันใดยามที่ท่านพ่อไปออกรบถึงพาแต่เจ้าไปแต่ไม่ใช่ข้า? เจ้าติดตามท่านพ่อแล้วได้รับความสนใจไปตั้งเท่าใด? เดิมทีทั้งหมดนั่นมันควรเป็นของข้า!

    หางตาของซูโม่หว่านขัดเคืองขึ้นมา

    ถูกต้อง เหตุใดถึงพาข้าไปตลอดแต่ไม่พาเจ้าไปเล่า...

    เพราะว่า...เธอเป็นบุตรอนุ ต่อให้เธอจะตายอยู่ในสนามรบ ก็ไม่มีอะไรให้ต้องรู้สึกปวดใจ ใช่หรือไม่?

    ซูโม่หว่านเก็บความทุกข์ใจของเธอไว้ แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า บอกท่านพ่อว่าข้าอยากพบเขา

    บทที่ 3 แต่งกับฉินอ๋องสิบวันหลังจากนี้ !

    ซูฮว่าเยวี่ยรู้สึกว่าเรื่องราวได้บทสรุปแล้ว นางจะเป็น 'คนดี' สักครั้งก็ได้ ดีเลยจะได้ให้ซูโม่หว่านและบิดาทะเลาะกันสักตั้ง ยิ่งรุนแรงมากเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น!

    เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นางก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา แล้วหันหลังจากไป

    หนึ่งชั่วยามต่อมา ซูโม่หว่านก็ได้พบกับบิดาในชาตินี้ ซูหย่วนเต้า แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นอวิ๋นโม่ 

    หว่านเอ๋อร์...

    ซูหย่วนเต้าเห็นสภาพจนมุมของบุตรสาวคนเล็ก ก็อดรู้สึกสงสารขึ้นมาไม่ได้เล็กน้อย 

    ซูโม่หว่านเงยหน้าขึ้นมองซูหย่วนเต้าแวบหนึ่ง เมื่อเห็นความรู้สึกสงสารเวทนาเห็นอกเห็นใจและความรู้สึกผิดต่างๆ ฉายวาบบนใบหน้า หัวใจก็พลันเย็นเยียบ

    ไม่กี่วันก่อนยังพูดคุยเรื่องสินเดิมเจ้าสาวกับเธออย่างมีความสุขอยู่เลย พริบตาเดียวก็สับเปลี่ยนการแต่งงานที่เธอพออกพอใจไปให้พี่สาวแล้ว นี่ก็คือบิดาที่แสนดีของเธอ?

    ท่านพ่อ ข้าต้องการฟังจากปากท่าน ว่าผู้ใดกันแน่ที่จะได้ตบแต่งกับฉู่อ๋องในอีกสิบวันหลังจากนี้?

    เรื่องนี้……

    ซูหย่วนเต้าอ้าปากจะพูด เขาถูกสายตาของบุตรสาวจ้องมองจนพูดไม่ออก จึงได้แต่ชี้ไปยังบาดแผลบนศีรษะของซูโม่หว่าน แล้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงว่า หว่านเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้นกับบาดแผลบนหน้าผากของเจ้า?!

    ซูโม่หว่านพลันยิ้มอย่างเย็นชาอยู่ในใจ

    เขาอนุญาตให้ซูหลิ่วซื่อวางยาพิษอ่อนกำลังให้เธอเป็นนัยๆ แต่เขากลับไม่คาดคิดถึงเรื่องนี้เลยหรือ? ก็มิใช่ว่าบิดาไม่รู้ว่าซูฮว่าเยวี่ยจงเกลียดจงชังเธอ!

    หัวใจของซูโมว่ากำลังเดือดดาล แต่บนใบหน้ากลับไม่แยแสพลางกล่าวว่า ก็แค่บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น ข้าเพียงต้องการให้ท่านพ่อให้คำอธิบายเกี่ยวกับงานแต่งของข้ามาสักข้อ

    ซูหย่วนเต้ามองบุตรสาวที่อ่อนแอเอนกายอยู่บนเตียง รู้สึกผิดอยู่ในใจเล็กน้อย แต่ก็หักใจในที่สุด

    หว่านเอ๋อร์ พ่อขอโทษเจ้าสำหรับเรื่องนี้ แต่พี่สาวของเจ้า...เจ้าก็รู้นิสัยของฮว่าเยวี่ยดี ถูกตามใจจนเสียคนมาตั้งแต่เด็ก! เกิดให้นางตบแต่งเข้าตำหนักฉินอ๋อง คงจะไม่สามารถมีชีวิตที่ดีได้เป็นแน่!

    เมื่อได้ยินเช่นนี้ แววตาของซูโม่หว่านก็หม่นแสงลง 

    ฉะนั้น เธอแต่งเข้าไปก็จะมีชีวิตที่ดีได้งั้นเหรอ? 

    ฉินอ๋องมีอุปนิสัยคาดเดาได้ยาก เข้ากับคนยาก แล้วฮว่าเยวี่ยก็ถูกตามใจจนเสียคนอีก...เจ้ามีนิสัยหนักแน่นมั่นคงกว่าฮว่าเยวี่ย คิดว่าสามารถปรับตัวเข้ากับชีวิตในตำหนักฉินอ๋องได้ดีกว่า!

    ซูหย่วนเต้ากล่าวอย่างลึกซึ้งจริงใจ

    ซูโม่หว่านหลับตาลง

    ความหมายของบิดาคือฮว่าเยี่ยถูกตามใจจนเสียคน ก็เลยให้ข้าเป็นคนเสียสละ?

    เธอหัวเราะอย่างขมขื่น บิดา ข้าก็เป็นคนเจ้าอารมณ์เช่นกัน เพียงแต่ไม่แสดงออกมาง่ายๆ ก็เท่านั้น!

    ซูหย่วนเต้ารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย มันสายไปแล้ว เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ทุกอย่างล้วนได้ข้อสรุปแล้ว! เจ้าพักผ่อนให้ดีๆ อีกสิบวันนับจากนี้ก็จะถึงวันแต่งงานแล้ว! สินเดิมเจ้าสาวก็ได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว เจ้าดูแลตัวเองให้ดี!

    พ่อยังมีธุระต้องสะสางอีก เจ้าก็พักผ่อนให้ดี!

    เมื่อพูดจบ ซูหย่วนเต้าก็รีบออกจากห้องของบุตรสาว

    ซูโม่หว่านมองตามร่างของซูหย่วนเต่าจนหายลับตาไป ดวงตายิ่งอยู่ยิ่งล้ำลึกขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดมุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันเสี้ยวหนึ่ง

    แต่งงานกับฉินอ๋องในอีกสิบวันหลังจากนี้? ในเมื่อพวกคุณใจร้าย ก็อย่ามาโทษว่าฉันไม่สำนึกบุญคุณที่ช่วยเลี้ยงดูในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ก็แล้วกัน!

    สิบวันหลังจากนั้น

    รัชศกอวิ๋นโม่ ปีที่หนึ่งร้อยแปด วันที่สิบเก้าเดือนหก

    ในลานทางทิศใต้ของจวนแม่ทัพ ซูฮว่าเยวี่ยสวมชุดแต่งงานสีแดงสดนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง สาวใช้ทั้งสี่กำลังสาละวนอยู่กับการแต่งตัวให้นาง

    คุณหนูช่างงดงามหาใดเปรียบ ทั่วทั้งเมืองหลวงคงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเทียบเคียงได้ แต่งหน้าเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนต้องมนต์สะกด! หากท่านฉู่อ๋องเห็นท่านในค่ำคืนนี้ รับรองว่าท่านอ๋องจะต้องตกตะลึงเป็นแน่! ชุนเหมยกล่าวด้วยรอยยิ้มประจบประแจง

    เซี่ยจู๋ที่อยู่ด้านข้างก็รีบกล่าวอย่างคล้อยตามว่า ใช่แล้วใช่แล้ว! ทั่วทั้งเมืองหลวงนี้มีผู้ใดบ้างที่ไม่รู้ว่าคุณหนูของเราเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง? มีบุรุษรูปงามมากความสามารถตั้งเท่าใดที่เฝ้าคอยจะได้พบหน้าคุณหนูสักครั้ง! ช่างเสียเปรียบท่านฉู่อ๋องเสียจริงเชียว!

    ซูฮว่าเยวี่ยสุขสมยิ่งนัก แต่กลับกล่าวด้วยความฉุนเฉียวว่า ให้พวกเจ้านินทาได้หรือ! ท่านอ๋องฉู่เป็นเชื้อพระวงศ์ จะบุ่มบุ่มมิได้! พวกเจ้าทั้งสี่เป็นผู้ที่จะต้องติดตามข้าเข้าตำหนักฉู่อ๋อง เมื่อถึงเวลานั้นจะต้องระวังคำพูดให้ดี มิอาจไร้กิริยามารยาทเช่นนี้ได้อีก!

    สาวใช้ทั้งสี่ตอบรับอย่างพร้อมเพรียงว่า เจ้าค่ะ จะเชื่อฟังคุณหนูทุกอย่างเลยเจ้าค่ะ!

    เมื่อซูฮว่าเยวี่ยหลงระเริงพอแล้ว ก็เหยียดนิ้วเรียวยาวสวยดุจหยกออกไปเลือกปิ่นปักผมหงส์ทะยานสีแดงขนาดใหญ่ออกมาอันหนึ่ง วาดไปทางด้านบนศีรษะกับหน้ากระจกทองเหลือง แล้วกล่าวด้วยท่าทางคล้ายไม่ตั้งใจว่า สถานการณ์ที่ลานทางทิศเหนือทางโน้นเป็นอย่างไรแล้ว?

    บทที่ 4 คุณหนูรองหายตัวไปแล้ว !

    ชุนเหมยเข้าใจในทันที บ่าวเพิ่งเดินผ่านหน้าประตู ดูเหมือนด้านในมิมีความเคลื่อนไหวใดๆ เลยเจ้าค่ะ

    เมื่อซูฮว่าเยวี่ยได้ยินเช่นนี้ ก็หยุดการเคลื่อนไหวในมือ คิ้วเรียวดั่งใบหลิวที่วาดอย่างสวยงามประณีตพลันขมวด 

    มิมีความเคลื่อนไหว? ท่านแม่มิได้ส่งคนไปที่นั่นหรือ?

    ชุนเหมยจัดเก็บสินเดิมของเจ้าสาวไปด้วย พลางกล่าวเสียงค่อยไปด้วยว่า ฮูหยินส่งคนไปที่นั่นแล้วเจ้าค่ะ เมื่อเช้านี้บ่าวเห็นพี่เสี่ยวหรูสาวใช้ข้างกายฮูหยินพาคนสามคนเข้าไปแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ!

    เสี่ยวหรูเป็นสาวใช้ข้างกายของซูหลิ่วซื่อฮูหยินของท่านแม่ทัพ นางติดตามรับใช้ซูหลิ่วซื่อมานานเกือบสิบปีแล้ว ประสบการณ์ความช่ำชองในการจัดการเรื่องต่างๆ ย่อมไม่ต้องพูดถึง

    จู่ๆ ซูฮวาเยวี่ยกลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย นางผลักชุนเหมยทีหนึ่ง ไม่ได้ เจ้าลองไปดูอีกครั้ง ข้ารู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย!

    ชุนเหมยตอบรับคำหนึ่งแล้วรีบออกไป

    เซี่ยจู๋และบ่าวอีกสองมองหน้ากัน ต่างก็รู้สึกว่าคุณหนูของตนตื่นตระหนกเกินกว่าเหตุไปแล้ว

    คุณหนูอย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ มิใช่ว่าคุณหนูรองถูกวางยาอ่อนกำลังแล้วหรอกหรือเจ้าคะ? หากไม่มียาถอนพิษ นางจะก่อปัญหาอันใดขึ้นมาได้เล่าเจ้าคะ?

    ซูฮว่าเยวี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็กน้อย กล่าวได้ถูกต้อง เหตุใดข้าถึงลืมไปได้ ——

    ยังไม่ทันพูดจบประโยค ก็ได้ยินเสียงร้อนใจของชุนเหมยดังแว่วมาจากด้านนอก คุณหนูแย่แล้วเจ้าค่ะ! คุณหนูรองนางหายตัวไปแล้ว!

    ซูฮว่าเยวี่ยผุดลุกขึ้นทันที เจ้าว่าอันใดนะ? เรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่!

    ——

    ซูโม่หว่านปัดฝุ่นบนมือออก มองกลับไปที่กำแพงในสวนหลังจวนของแม่ทัพแวบหนึ่ง แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก

    ถูกต้อง เธอกำลังหนีการแต่งงาน!

    แต่ไม่ใช่ว่าเธอรังเกียจอาการอัมพาตครึ่งท่อนของมู่หรงจิ่งหรอกนะ เธอแค่ไม่ต้องการแต่งงานกับคนที่เธอเคยพบหน้าเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

    จวนแม่ทัพในเวลานี้เกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้นแล้ว

    สีหน้าของซูหย่วนเต้าน่าเกลียดยิ่งนัก ต่อให้ต้องพลิกทั่วทั้งเมืองหลวง ก็ต้องหาคุณหนูรองให้เจอ!

    ทหารคุ้มกันสี่ถึงห้าสิบคนยืนอยู่ในลานด้านหน้า เมื่อได้ยินคำสั่งทั้งหมดก็พากันก้มศีรษะลง

    ขอรับ ท่านแม่ทัพ!

    สีหน้าของซูหลิ่วซื่อในขณะนี้ก็ไม่สู้ดีนัก รอจนกระทั่งไม่เห็นเงาของเหล่าทหารคุ้มกันแล้ว ถึงได้ร่ำไห้ต่อซูหย่วนเต้าอย่างอีดอัดคับข้องใจว่า ท่านแม่ทัพ ข้าคิดว่าแต่ไหนแต่ไรมาตัวข้าไม่เคยละเลยหว่านเอ๋อร์เลย แต่การกระทำเช่นนี้ของนางในวันนี้ เป็นไปได้ว่านางอาจไม่พอใจอันใดในตัวข้า…… 

    ซูหย่วนเต้าเก็บสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังเมื่อครู่ ปรับน้ำเสียงให้อ่อนลงเล็กน้อย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า เป็นว่านเอ๋อร์ที่ดื้อรั้นเกินไป เจ้าไม่ต้องกังวล จะต้องตามตัวคนกลับมาได้อย่างแน่นอน!

    ซูหลิ่วซื่อยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดหางตา เดิมทีข้าไม่เห็นด้วยที่จะสับเปลี่ยนตัวหว่านเอ๋อและเยวี่ยเอ๋อร์ แต่ว่า……ตอนนี้ดูเหมือนว่ายังคงเป็นท่านแม่ทัพที่ฉลาดมีไหวพริบ! ด้วยนิสัยเช่นนี้ของหว่านเอ๋อร์ นางเหมาะที่จะตบแต่งเข้าตำหนักฉินอ๋องมากกว่าจริงๆ !

    เมื่อซูหลิ่วซื่อพูดจบ ก็ลอบสังเกตสีหน้าของซูหย่วนเต้า

    ซูหย่วนเต้ากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า หว่านเอ๋อร์ติดนิสัยป่าเถื่อนเกเรจากชายแดนทางตอนเหนือ! เจ้าวางใจเถอะ ไม่ว่าทางด้านหว่านเอ๋อร์จะเป็นอย่างไร เยวี่ยเอ๋อร์จะได้ตบแต่งเข้าตำหนักฉู่อ๋องตามกำหนดอย่างแน่นอน!

    เมื่อซูหลิ่วซื่อได้รับการยืนยัน ก็แสร้งทำเป็นเช็ดหางตา 

    ท่านพี่ ยังคงเป็นท่านที่รักเยวี่ยเอ๋อมากที่สุด!

    เมื่อได้รับการปลอบประโลมจากซูหย่วนเต้าแล้ว ซูหลิ่วซื่อก็ถอยออกไป ครั้นไปถึงหน้าประตูลานทางทิศใต้ ก็พบเข้ากับซูฮว่าเยวี่ยที่เดินออกมาด้วยสีหน้าท่าทางกระวนกระวายพอดี ด้านหลังมีสาวใช้เดินตามมาด้วยอีกสี่คน

    ใบหน้าซูฮวาเยวี่ยเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ ท่านแม่ ท่านส่งคนไปดูแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงยังปล่อยให้นังหญิงแพศยาซูโม่หว่านนั่นหนีไปได้อีกเล่า?!

    ซูหลิ่วซื่อส่งสายตาตักเตือนให้นางแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงกดต่ำว่า ระวังคำพูดคำจาบ้าง!

    ซูฮว่าเยวี่ยก็ลดเสียงลงในทันที นางสวมเครื่องหัวเจ้าสาวผ้าพาดบ่าสองข้างไว้บนตัว แต่บนใบหน้ากลับซีดเซียวเล็กน้อย ท่านแม่ นังหญิงแพศยานั่นหนีไปแล้ว! นางจะไปก่อกวนงานแต่งของข้าหรือไม่?

    ซูหลิ่วซื่อตบหลังมือของบุตรสาวอย่างปลอบโยน กล่าวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันว่า หึ! ก่อกวนงั้นหรือ? กลัวว่านางคงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว! บิดาของลูกส่งคนออกไปค้นหาแล้ว อีกทั้งซูโม่ไป๋ก็จะกลับมาที่เมืองหลวงทันที ไม่ว่านางจะมีความสามารถยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ต้องแต่งเข้าตำหนักฉินอ๋องไปอย่างเชื่อฟัง!

    บทที่ 5 หิ้วคนกลับมาให้ได้ !

    ซูโม่หว่านรูปร่างสูงโปร่ง ในตอนนี้สวมชุดบุรุษสีขาวอมฟ้า ก้มหน้าก้มตาเดินไปตามท้องถนนอย่างเร่งรีบ ดึงดูดสายตาของหญิงสาวหลายคนจนพากันแอบชำเลืองมอง

    หลังจากเดินไปได้เกือบหนึ่งก้านธูป ก็เลี้ยวเข้ามุมหนึ่ง จนมาถึงในตรอกมืดแห่งหนึ่ง

    เธอเดินไปที่บ้านหลังที่สาม มองไปรอบๆ

    Enjoying the preview?
    Page 1 of 1