Discover millions of ebooks, audiobooks, and so much more with a free trial

Only $11.99/month after trial. Cancel anytime.

อธิษฐานทะยานสูงขึ้น
อธิษฐานทะยานสูงขึ้น
อธิษฐานทะยานสูงขึ้น
Ebook317 pages37 minutes

อธิษฐานทะยานสูงขึ้น

Rating: 0 out of 5 stars

()

Read preview

About this ebook

การอธิษฐานเป็นได้มากกว่าภาระหน้าที่ หรือปุ่มฉุกเฉินที่จะกดเมื่อยามเจอวิกฤต

 

การอธิษฐานสามารถเป็นความเปรมปรีดิ์ และอิ่มเอิบใจยิ่ง กระทั่งเราต้องการจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆในชีวิตอธิษฐาน  เราถูกสร้างใหม่ในพระคริสต์ให้อยู่ในเส้นทางของการอธิษฐานอันเป็นมิติชีวิตที่น่าตื่นเต้น และดีเกินกว่าจะยอมพลาด

 

เส้นทางของการอธิษฐานที่เปรมปรีดิ์นี้ มิได้ถูกสงวนไว้สำหรับคนแค่หยิบมือเท่านั้น มันเป็นของทุกคน  แต่เรื่องนี้จะเกิดเป็นจริงได้อย่างไร?

 

ในหนังสือเล่มนี้ อธิษฐานทะยานสูงขึ้น อ.เดวิด แมคมิลแลน ได้เปิดความจริงแห่งหัวใจของการอธิษฐานที่เปรมปรีดิ์ให้เราได้รับรู้ ท่านได้ให้วิธีการมากมาย รวมทั้งส่วนของการตรึกตรองและปฏิบัติ เพื่อจะช่วยผู้อ่านให้สามารถปั้นแต่งความจริงเหล่านั้นให้เป็นวิถีชีวิตที่เปรมปรีดิ์ได้

 

แน่นอน การเติบโตในชีวิตอธิษฐานจะง่ายขึ้น เมื่อเราเปรมปรีดิ์กับการอธิษฐาน หนังสือเล่มนี้จะฝึกฝนและหนุนคุณในเส้นทางดังกล่าว  คุณสามารถใช้ส่วนตัว หรือใช้ในกลุ่มอธิษฐาน และสิ่งที่จะได้รับก็คือ

  • ความเปรมปรีดิ์ในการอธิษฐานที่เพิ่มพูนขึ้น
  • ชีวิตอธิษฐานที่ได้รับพลังและการปั้นแต่งให้ลุ่มลึกขึ้น
  • หนังสือเล่มนี้เป็นคู่มือฝึกฝนการอธิษฐานที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง

Prayer can become a favourite enjoyment!

 

It's easier to grow in prayer when it's enjoyable. So, how does that become OUR experience?

 

In his book, อธิษฐานทะยานสูงขึ้น (the THAI translation of his book, Shaped for Prayer Enjoyment) David Macmillan unpacks the truths at the heart of enjoyable prayer life. He gives the why and how of enjoying prayer, of learning to respond to God's constant presence, praying as Christ's admirers, growing an appetite for the Lord, boosting corporate prayer power, shaping prayer from scripture, increasing prayer passion for Christ's mission, and much more.

 

There are practical keys for growing daily prayer life, and helpful Ponder & Practise sections to encourage movement from prayer knowledge to enjoyable prayer experience.

 

This book will equip and encourage you in your prayer enjoyment journey. Used personally, or in prayer groups, it will:

  • Help you grow a prayer life that's enjoyable
  • Excite, shape and deepen your praying
  • Be a valuable prayer training resource for you
Languageภาษาไทย
PublisherWingspan STS
Release dateDec 16, 2023
ISBN9781838358433
อธิษฐานทะยานสูงขึ้น

Reviews for อธิษฐานทะยานสูงขึ้น

Rating: 0 out of 5 stars
0 ratings

0 ratings0 reviews

What did you think?

Tap to rate

Review must be at least 10 words

    Book preview

    อธิษฐานทะยานสูงขึ้น - David Macmillan

    พิมพ์ครั้งที่ 2

    สิงหาคม 2023

    ISBN 978-1-8383584-3-3

    ISBN 978-1-8383584-2-6 (paperback)

    Copyright © 2021 David Macmillan

    Published by Wingspan STS

    United Kingdom

    wingspanprayer@gmail.com

    สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมดของหนังสือเล่มนี้ ไม่อาจทำซ้ำ หรือเก็บไว้ในฐานข้อมูลหรือส่งต่อในรูปแบบใด หรือโดยวิธีใดๆ ทาง อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกล การถ่ายเอกสาร การบันทึก หรือวิธีอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้จัดพิมพ์และเจ้าของหนังสือ

    ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงในหนังสือเล่มนี้มาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011 (THSV11) © 2011 สมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นแต่ที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

    Copyright © 2021 David Macmillan

    แปลและเรียบเรียง ตรูจิตต์ นีเดอเรอร์ ภาพปก Bruce Rolff © 123RF Stock Photo

    จัดรูปเล่ม สกาวรัตน์ แก้วนพรัตน์

    www.wingspanprayer.org

    ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาชีวิตอธิษฐานของท่านได้ที่ www.wingspanprayer.org/blog

    สารบัญ

    บทนำ

    ภาคหนึ่ง มุ่งสู่ชีวิตอธิษฐานที่เปรมปรีดิ์

    บทที่ 1 จุดศูนย์กลางนิรันดร์แห่งการอธิษฐานที่เปรมปรีดิ์

    บทที่ 2 ภาพที่ดึงดูดใจคนอธิษฐาน

    บทที่ 3 เรียนรู้ที่จะอธิษฐานด้วยความหิวกระหายพระเจ้า

    บทที่ 4 อธิษฐานในกรอบของการทรงสถิต

    บทที่ 5 ใช้ชีวิตเป็นนิเวศอธิษฐาน

    บทที่ 6 ปลูกสร้างการเห็นพ้องกับพระเจ้า

    ภาคสอง ปั้นแต่งวิธีในการอธิษฐาน

    บทที่ 7 นานาวิถีที่ปั้นแต่งการอธิษฐาน

    บทที่ 8 ประโยชน์ของการทำร่างคำอธิษฐาน

    บทที่ 9 ขยายภาษาอธิษฐาน

    บทที่ 10 ปั้นแต่งคำอธิษฐานจากเรื่องเล่าของพระคัมภีร์

    บทที่ 11 ปั้นแต่งคำอธิษฐานด้วยข้อพระคัมภีร์

    บทที่ 12 ไปไกลยิ่งขึ้นในการอธิษฐานร่วมกัน

    บทที่ 13 คนอธิษฐานที่เคลื่อนไหว

    บทที่ 14 ขุดลึกเพื่อไปสูงขึ้น

    เชิงอรรถ

    บทนำ

    ถ้าจะให้ติดป้ายเรียกปี ค.ศ.1980 ว่าอะไรสักอย่างแล้ว ก็น่าจะเป็นคำว่า เกือบสอบตก แซนดร้าและผมได้ย้ายจากบ้านอันคุ้นเคยของเราในเมืองเคปทาวน์ไปสู่โลกเอเซีย ที่ซึ่งทั้งกลิ่น รสชาติ และวัฒนธรรม ช่างผิดแผก เราได้รับการศึกษา ฝึกฝนและปลุกแรงบันดาลใจให้นำพระกิตติคุณไปยังกลุ่มชนที่พระกิตติคุณเข้าถึงแค่น้อยนิด ดังนั้น เราจึงเดินทางมาถึงประเทศไทยดินแดนแห่งรอยยิ้ม ด้วยความตื่นเต้นและพร้อมรับมือกับการท้าทายแห่งโลกพันธกิจ...อย่างนั้นหรือ?

    ผมไม่สนใจนักกับบ้านหลังใหม่ของเรา บ้านชนบท หน้าตาน่าเกลียด ตัวเรือนไม้สักเก่าๆ มีเสาใต้ถุนยกสูง ริมสระน้ำ ที่ผ่านพายุฝนมาแล้วหลายฤดู มันก็มี บุคลิกของมัน เราต้องปรับตัวกับความร้อนที่ไม่ปรานี และกลิ่นของตลาดที่ช่างผิดแปลก ทำสงครามรายวันกับยุง และตื่นนอนก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น ด้วยเพลงส่งเสียงตามสายจากวัดใกล้เคียง เราอยู่ในที่ซึ่งพระเจ้าประสงค์อย่างไม่ผิดเพี้ยน องค์กรของเราได้จัดคอร์สเรียนภาษาให้กับเรา และเป้าหมายของผมคือ ทำให้ผ่านฉลุยได้อย่างเร็วที่สุด เพื่อผมจะเริ่มงานพันธกิจของจริงได้ แต่ผมต้องถึงกับช็อก

    หลังจากผ่านไปหกเดือนในโรงเรียนสอนภาษา ผมก็พร้อมจะเก็บกระเป๋าอำลาในฐานะมิชชันนารีผู้ล้มเหลว กิจวัตรประจำวันของการเรียนภาษาเมื่อเริ่มต้นก็สนุกอยู่ แต่หลังจากหลายเดือนที่ผ่านไปอย่างอืดอาดกับหนังสือบทเรียนชั้น ป.1 แทบไม่มีอะไรให้ขำได้เลย ตัวอักษรที่ไม่คุ้นเคย คำที่ติดกันเป็นพรืดทีละหลายๆ บรรทัด หนำซ้ำยังมีห้าระดับเสียง พยัญชนะ 44 ตัว กับสระอีกราว 30 รูป การเรียนภาษาไทยจึงแลดูเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้

    ความอัดอั้นตันใจของผมพุ่งถึงขีดสุดในบ่ายวันหนึ่งที่ร้อนระอุ หลังจากการเรียนที่ยากเข็ญวันนั้น ผมโยนหนังสือลง และเดินตัดผ่านเมืองเล็กๆ นั้นไปจนถึงแม่น้ำปิง ผมอยู่ตามลำพังกับเสียงน้ำที่ไหลเอื่อยๆ ไม่มีคนสติดีที่ไหนจะมาเดินริมแม่น้ำในภาคกลางของประเทศไทย เวลาที่แดดเปรี้ยงๆ แบบนี้ ผมมาบ่นมาระบาย และดีใจที่ไม่มีใครมาเห็นผม แซนดร้าและผมได้ละทิ้งทุกอย่างเพื่อเข้าสู่การวิ่งแข่งสู่หลักชัยนี้ เราต้องการสร้างความแตกต่างให้กับคนไทย แต่เท้าของผมติดแหง็กตั้งแต่ที่จุดออกตัว ผมแทบจะไม่สามารถท่องข้อพระคัมภีร์ง่ายๆ โดยไม่กลายเป็นตัวตลกได้ ไม่ว่าผมจะพยายามขนาดไหน โยกหัวขึ้นลงเพื่อจะออกเสียงให้ถูกต้อง คำที่หลุดออกจากปากก็ยังผิดอยู่ดี ความมุมานะดูท่าจะไม่ช่วยอะไรเลย วันนั้น ผมจึงบอกพระเจ้าว่า ผมไม่เห็นทางอื่นเลยนอกจากเก็บกระเป๋าและไปจากประเทศไทย

    ผมรู้สึกสังเวชตัวเอง ผมฟังเสียงแม่น้ำอยู่ครู่หนึ่ง และกลับหลังเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านใต้ถุนสูงที่ร้อนระอุหลังนั้น ตรงนั้นเองที่ผมได้ยินพระเจ้าตรัส และสิ่งที่พระองค์ตรัสได้กอบกู้อนาคตของผมไว้ พระองค์ไม่ได้ตะโกน แต่เสียงภายในนั้นใสชัดอย่างมิอาจผิดพลาดได้ ราวกับมีลำโพงจ่ออยู่ตรงหน้าผม พระองค์ตรัสคำเดียว "อิมมานูเอล"¹

    ที่สถานศักดิ์สิทธิ์ริมฝั่งแม่น้ำนั้น พระเจ้าได้เริ่มเปิดเผยความจริงจากพระนาม พระองค์ไม่ได้เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ดูความกระเสือกกระสนในการเรียนภาษาของผมอยู่ห่างๆ พระองค์ไม่ใช่ผู้เข้าชมแถวหน้าด้วยซ้ำ แต่ทรงเป็นพระเจ้าที่อยู่กับผมในโลกเอเซียอันไม่คุ้นเคย ในความดิ้นรนที่จะพูดออกเสียงให้ถูก และในความอัดอั้นตันใจที่ผมติดแหง็กอยู่กับพันธกิจที่ไม่ไปไหน แต่แผนงานของพระองค์ต่างจากของผม เป้าหมายของผมคือที่จะได้เรื่องภาษา ส่วนของพระองค์คือ ทรงใช้การเรียนภาษาเพื่อผมจะจำนนต่อพระองค์มากขึ้น ผมมาเพื่อจะเปลี่ยนประเทศไทย แต่แผนการของพระเจ้าคือ ใช้ประเทศไทยเพื่อเปลี่ยนผม การเป็นพรสำหรับคนไทยอยู่ในแผนการของพระองค์ แต่มันจะเกิดขึ้นโดยพระองค์ทำงานในผมและไหลล้นออกมา

    ผมเคยคิดมาโดยตลอดว่าที่พระเจ้าตรัสว่า เราอยู่กับเจ้า นั้น เป็นพระสัญญาเสริม เพื่อสร้างความอุ่นใจและให้กำลังใจแก่คนเหล่านั้นที่ ออกไปและสร้างบรรดาประชาชาติให้เป็นสาวก² แต่ผมได้พลาดหัวใจหลักของพระบัญชาเชิงอัครทูตนี้ไป พระองค์ไม่เคยมีเจตนาให้พระสัญญาที่จะสถิตอยู่ด้วยนั้น เป็นแค่ความคิดเสริมเข้ามาเพื่อขจัดความกลัวหรือความไม่มั่นคงออกจากเหล่าพยานของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ในภารกิจกอบกู้ประชาชาติ และเผยแพร่ชื่อเสียงของพระองค์ให้เลื่องลือ และพระองค์เรียกเราให้เคลื่อนไปกับพระองค์ ดังนั้น พวกเราจึงกระจัดกระจายกันไปในโลกของผู้ขัดสน แต่ละวันคือโอกาสใหม่ๆ ที่จะเรียนรู้การใช้ชีวิตและร่วมงานกับองค์อิมมานูเอล พระเจ้าอยู่กับเรา เติมเต็มกระทั่งกิจวัตรประจำและกิจกรรมธรรมดาโลกในแต่ละวันของเรา ด้วยความหมายที่พิเศษและความล้ำลึก รวมทั้งชั้นเรียนภาษาไทยด้วย

    การประจันหน้ากับพระเจ้า ณ ริมแม่น้ำนั้น ยั้งผมไว้ไม่ให้กลับหลังหันจากงานพันธกิจ และผ่าทางตันให้กับการเรียนภาษาไทยของผม แต่มันยังทำมากกว่านั้น คือทำให้ผมตื่นตัวขึ้นสู่ชีวิตที่เข้าส่วนกับองค์อิมมานูเอล หากการอยู่ด้วยของพระเจ้าเป็นอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ความเบิกบานในพระองค์ก็ควรทะลุเพดานความสำคัญต่างๆ ของผม ผมรู้สึกว่า การเดินทางนี้จะปั้นผมใหม่ในฐานะคนอธิษฐาน แต่ไม่รู้เลยว่า มันจะเปลี่ยนผมและกำหนดรูปแบบของการรับใช้ของผมใหม่อย่างลึกซึ้งขนาดไหน เวลานี้ ผ่านไปสามสิบปี ผมยังรู้สึกเหมือนเป็นนักเดินทางหน้าใหม่ ผมต้องการจะแบ่งปันความจริงต่างๆ ที่เรียนรู้ผ่านการเดินทางที่ว่าในบทต่อๆ ไปที่จะตามมา

    คริสเตียนเชื่อในคุณค่าของการอธิษฐาน แต่คนเป็นอันมากกลับทุรนทุรายที่จะเติบโตขึ้นในชีวิตอธิษฐาน เพราะอะไรหรือ? ผมถามคำถามนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสัมมนาที่ว่าด้วยความเติบโตในการอธิษฐาน ความยุ่ง ความเหนื่อยล้า ความท้อใจ เหล่านี้ถูกใช้เป็นคำตอบ แต่คนมากมายยอมรับว่ามีปัญหาสำคัญที่ซ่อนตัวอยู่คือ พวกเขาไม่รื่นรมย์กับการอธิษฐาน มันดีและจำเป็น ใช่แล้ว แต่ไม่ใช่สิ่งที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ

    พระเจ้าเชื้อเชิญให้เราร้องทูล และทรงรักที่จะตอบคำอธิษฐานของเรา แต่การเฉลิมฉลองที่ได้รับคำตอบนั้น เป็นแค่ส่วนหนึ่งของความชื่นชมยินดีในการอธิษฐาน และมันก็มีวาระที่ส่วนที่ว่านั้นดูจะเล็กน้อยเมื่อคำตอบมาถึงช้า หรือเมื่อคำตอบไม่เป็นอย่างที่หวัง การอธิษฐานที่รื่นรมย์นั้นยิ่งใหญ่กว่าการเฉลิมฉลองเมื่อได้รับคำตอบมากมายนัก หนังสือ อธิษฐานทะยานสูงขึ้น นำผู้อ่านไปบนเส้นทางสู่ชีวิตอธิษฐานที่รื่นรมย์ ตามที่พระเจ้าทรงออกแบบไว้ แต่ไม่ใช่โดยไม่สูญเสียอะไรเลย วิถีนี้ย่อมนำเราสู่การรู้จักปฏิเสธตัวเองและรับการเปลี่ยนแปลงชีวิต

    นานกว่าทศวรรษมาแล้ว การสอนพระคำและฝึกฝนด้านอธิษฐานที่แซนดร้าและผมได้มีส่วนพัฒนาขึ้นมาเป็นพันธกิจนั้น มีชื่อว่า Wingspan Prayer ³ มีตราสัญลักษณ์เป็นรูปนกอินทรีกำลังบิน และมีคำเขียนว่า shaped to soar (ถูกปั้นมาเพื่อทะยาน) นกอินทรีใหญ่หัวสีขาวนั้น เมื่อกางปีกจะมีความกว้างถึง 8 ฟุต (2.4 เมตร) ปีกขนาดมหึมามีน้ำหนักเบา แต่มีกำลังจากกล้ามเนื้อที่จะยกร่างนกอินทรีขึ้นสูงได้ มันถูกออกแบบมาให้เหินไปกับกระแสอากาศตามธรรมชาติ และถูกสร้างมาสำหรับยุทธศาสตร์ความเร็วสูงในการพุ่งลงและหักเลี้ยว ปีกนกอินทรีเป็นเรื่องน่าพิศวงในเชิงวิศวกรรมศาสตร์ ควบคู่ไปกับภาพเปรียบเทียบฝ่ายวิญญาณที่ทรงพลัง พระผู้สร้างทรงออกแบบพวกเรา ผู้อัญเชิญพระฉายของพระองค์ ด้วยขีดความสามารถในการอธิษฐานที่น่าอัศจรรย์ เพื่อจะ บินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี⁴ และเพลิดเพลินในพระองค์ตลอดเส้นทางทะยานขึ้นอันไร้จุดสิ้นสุด องค์พระผู้สร้างได้เสริมกำลังเราเพื่อการนี้ แต่การบินขึ้นและทะยานไปข้างหน้า ก็เรียกร้องให้เราต้องร่วมงานกับพระองค์ ในการปั้นแต่งความปรารถนา การตัดสินใจและการปฏิบัติ ที่จะช่วยเราสยายปีกออกในการอธิษฐานอันรื่นรมย์

    ภาค 1 ของหนังสือเล่มนี้ จะอธิบายถึงค่านิยมต่างๆ ที่นิยาม เส้นทางในการอธิษฐานอันรื่นรมย์ การเชื่อฟังด้วยความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่นั้นสำคัญ แต่มันยังไม่พอที่จะยกเราขึ้นให้พ้นจากพื้นในฐานะคนอธิษฐาน เรายังต้องการเสรีภาพจากหัวใจที่ถูกยกขึ้น การอัศจรรย์ของการทรงสถิตของพระเจ้า ความคาดหวังที่จะได้เจอพระองค์แบบจังๆ ประกายแห่งการตอบสนองพระองค์ ความเร้าใจจากความสนิทสนม กับความตื่นเต้นที่ได้เห็นพระองค์ และความตื่นเต้นของการเห็นพ้องกับพระองค์ เมื่อได้รับพื้นที่ในหัวใจ ค่านิยมต่างๆ นั้นจะกลายเป็นแรงพลังปั้นแต่งโดยการจัดการของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่เปลี่ยนเราให้เป็นคนอธิษฐาน และพาเราดิ่งลึกในประสบการณ์อธิษฐานอันรื่นรมย์ แต่ละบทของหนังสือเล่มนี้จะจบลงด้วยส่วนของการ ตรึกตรองและปฏิบัติ เพื่อสนับสนุนให้เราเข้าถึงความจริงที่เป็นดังกุญแจเหล่านี้

    ส่วนภาค 2 จะอธิบายถึงวิธีสร้างประสบการณ์ใหม่ในการอธิษฐานอันรื่นรมย์ พระเจ้าเป็นฝ่ายตรัสก่อนในความสัมพันธ์ของการอธิษฐาน และการเรียนที่จะปั้นหลอมการอธิษฐานของเรา ด้วยการตอบสนองที่เห็นพ้องกับพระองค์นั้นเป็นการผสมผสานกันของความปรารถนาและวินัย วิถีทั้งสี่ในการใช้พระคำเพื่อปั้นแต่งการอธิษฐาน ได้ช่วยคนมากมายมาแล้วในเส้นทางนี้ เป็นความจริงที่การตอบสนองต่างๆ ของเราต่อพระเจ้าจะกลายเป็นเรื่องจืดชืดน่าเบื่อ นอกเสียจากว่า เราจะยืดภาษาอธิษฐานของเราให้หัวใจมีพื้นที่การแสดงออกที่กว้างใหญ่ขึ้น ซึ่งบทที่ 9 จะให้คำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ การอธิษฐานร่วมกันที่ดำเนินการโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะทรงพลังและเป็นความรื่นรมย์ระดับสูง แต่การเห็นพ้องกันต้องเป็นลักษณะหลักของการอธิษฐานเช่นนี้ ในบทที่ 12 จะให้กุญแจของการสร้างความเห็นพ้องที่สำคัญยิ่ง แล้วหนังสือเล่มนี้จะจบด้วยการท้าทาย ให้เข้าสู่มิติชีวิตอธิษฐานที่ท้าทาย และน่าตื่นเต้นคือการทรงเรียกให้นำการเปลี่ยนแปลง โดยการดำเนินชีวิตอย่างคนอธิษฐานที่เคลื่อนไป

    น้ำมากหลายได้ไหลผ่านลอดสะพานสายนั้น นับแต่ครั้งที่ผมประจันหน้ากับพระเจ้าที่แม่น้ำปิง การเดินทางของผมในฐานะผู้เรียนรู้การอธิษฐานอันรื่นรมย์ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ผมหวังใจว่า บทเรียนทั้งหลายที่ได้แบ่งปันจากการเดินทางที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ของผม จะถูกพระวิญญาณบริสุทธิ์ใช้เพื่อเสริมกำลัง ขยาย และปั้นแต่งความสุขรื่นรมย์ในการอธิษฐานให้กับท่านผู้อ่านทุกๆ คน

    ภาคหนึ่ง

    มุ่งสู่ชีวิตอธิษฐานที่เปรมปรีดิ์

    บทที่ 1

    จุดศูนย์กลางนิรันดร์แห่งการอธิษฐานที่เปรมปรีดิ์

    พระเจ้าทรงมีธรรมชาติที่ชื่นชมยินดีอย่างสมบูรณ์ และทรงให้สิทธิ์เราในการเข้าร่วมความปีติยินดีของพระองค์ โรม 14:17 กล่าวว่า แผ่นดินของพระเจ้าเป็นเรื่องของ ความชอบธรรม สันติสุข และความชื่นชมยินดี ซึ่งโดยการโยกย้ายเราเข้าสู่อาณาจักรของพระองค์ ก็เท่ากับพระองค์ย้ายเรามาสู่โลกแห่งความชื่นชมยินดีนิรันดรของพระองค์ ในกาลาเทีย 5:22 เราพบผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งมีความชื่นชมยินดีอยู่ด้วยในนั้น แปลความว่า พระวิญญาณที่สถิตอยู่ภายใน ได้มาเพื่อทำให้ความชื่นชมยินดีเป็นประสบการณ์ปัจจุบันสำหรับเรา เนื่องจากการอธิษฐานเป็นแกนกลางในความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า ฉะนั้น การอธิษฐานจึงเป็นทางหลวงสายหลักแห่งการเดินทางที่เราจะพบกับความชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า

    โดยทั่วไปเราจัดลำดับความเชื่อเรื่องการอธิษฐานเอาไว้ในระดับสูงๆ แต่มาถึงภาคปฏิบัติในวิถีชีวิต เรากลับทำได้ไม่ดีนัก เราโทษความยุ่ง ความเหนื่อย อะไรสารพัดในชีวิตที่ทำเราไขว้เขว แต่อันที่จริง รากของการละเลยหรือชีวิตอธิษฐานที่ขึ้นๆ ลงๆ มันอาจจะลึกกว่านั้น เรามีแนวโน้มจะปัดสิ่งที่ทำแล้วไม่สนุกไปไว้ข้างๆ รวมถึงการอธิษฐาน เราทำให้มันด้อยลำดับความสำคัญ แต่ก็เอาไว้ในระยะหยิบฉวยสะดวกตามระบบความเชื่อของเรา เผื่อไว้ยามฉุกเฉิน ความตื่นเต้นกระตือรือร้น การถูกเร้า ความรู้สึกถึงภาระ และวิกฤต อาจจะเป็นชนวนปลุกกระตุ้นเราให้อธิษฐาน แต่หากชีวิตอธิษฐานจะเป็นเรื่องที่ยั่งยืน เสมอต้นเสมอปลายแล้วล่ะก็ การอธิษฐานต้องเป็นสิ่งที่เปี่ยมด้วยความเปรมปรีดิ์

    พระเจ้าทรงออกแบบเรามาให้เปรมปรีดิ์กับการอธิษฐาน และสัญญาว่า ประชากรของพระองค์จะใช้ชีวิตเป็นชุมชนอธิษฐานที่ชื่นชมยินดี แท้ที่จริงแล้ว พระองค์เป็นผู้รับประกันการอธิษฐานที่เปรมปรีดิ์¹ ก็ใช่ ที่บางโอกาสเราอธิษฐานด้วยความหนักหน่วงและคร่ำครวญ ตื่นตัวอย่างยิ่งยวดต่อสงครามฝ่ายวิญญาณ แต่ทุกการอธิษฐานนั้นมีความมุ่งหมายเพื่อจะยกระดับประสบการณ์ของเราในความชื่นชมยินดีของพระเจ้า ไม่ใช่เพื่อขโมยไปจากเรา ความชื่นชมยินดีนั้นมีความยืดหยุ่น ฟื้นไว เพราะมันมีรากอยู่ในธรรมชาติของพระเจ้า และก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเขตปลอดปัญหาเพื่อจะอยู่รอด ความโศกเศร้าไม่ใช่ศัตรูของความชื่นชมยินดี และมันสามารถมีอยู่โดยไม่ลดทอนความชื่นชมยินดี ความยินดีในการอธิษฐานเติบโตขึ้นเมื่อเราเรียนรู้ที่จะชื่นชมพระเจ้า ประสบการณ์อธิษฐานของเรานั้น ไม่ว่าจะทำเป็นหน้าที่อย่างซื่อสัตย์เพียงไร ก็จะไม่ทะยานขึ้นเกินกว่าความเปรมปรีดิ์ในหัวใจที่มีต่อพระองค์ เสียงเรียกอันเร่งเร้าที่มาถึงคริสตจักรในวันนี้ ไม่ใช่ที่ว่าเราต้องอธิษฐานมากขึ้น แต่ที่เราจะให้พระเจ้าเป็นความชื่นชมยินดีอันสูงสุดของเรา การอธิษฐานที่เปรมปรีดิ์จะทำให้ยิ่งอธิษฐาน คำถามที่คู่ควรจะถามอย่างยิ่งก็คือ แก่นแท้ของการอธิษฐานที่เปรมปรีดิ์คืออะไร?

    เหนือกว่าความยินดีที่ได้รับคำตอบ

    การอธิษฐานเพื่อบางสิ่งโดยไม่ได้ต้องการคำตอบดูจะเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผล เราทุกคนชอบเมื่อคำอธิษฐานได้รับคำตอบ โดยเฉพาะแบบฉับไวทันใจ มันทำให้เราปลื้มปิติ เราอาจไม่ได้หมุนตัวเต้นระบำอย่างเริงร่า เหมือนเมื่อดาวิดได้รับคำตอบในเรื่องที่อธิษฐาน² แต่คำตอบจากพระเจ้าก็มาเพื่อจะเพิ่มพูนความชื่นชมยินดีให้กับคนอธิษฐานของพระองค์ พระเยซูตรัสว่า จงขอแล้วจะได้ เพื่อความยินดีของท่านจะเต็มเปี่ยม³ ลองนึกภาพดู หากพระเจ้าประกาศว่า ต่อไปนี้พระองค์จะไม่ยุ่งกับการตอบคำอธิษฐานอีกต่อไป หากมันเป็นเช่นนั้น ลองถามตัวคุณเองดู ถ้าความหวังว่าพระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานนั้นเป็นศูนย์ ฉันยังจะอธิษฐานอยู่ไหม?

    เรารู้ อย่างไม่สงสัย ว่าพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐาน แต่เมื่อคำอธิษฐานของเราไม่ได้รับคำตอบ หรือหากคำตอบนั้นไม่ถูกใจ ไม่เป็นไปตามความต้องการ มันจะส่งผลต่อความเปรมปรีดิ์ในการอธิษฐานของคุณไหม? พูดอีกอย่างหนึ่งคือ ความเปรมปรีดิ์ในการอธิษฐาน มีระดับที่ลึกกว่าการเฉลิมฉลองกับคำตอบที่ได้รับไหม? มีแน่นอน ให้เรามาดูความเปรมปรีดิ์ในการอธิษฐานในระดับที่ลึกกว่านั้น

    เหนือยิ่งกว่า การเฉลิมฉลองในการทูลขอ

    การทูลขอเป็นการให้เกียรติพระบิดา ทุกครั้งที่เราคุยกับพระองค์ถึงความต้องการของเรา เราก็ยกชูพระองค์ในฐานะความหวังของเรา การทูลขอเป็นการยอมรับว่าเราไว้ใจและต้องพึ่งพาพระองค์ แต่การเฉลิมฉลองในการทูลขอของเรา ยังไปลึกกว่านั้นอีก

    เหตุใดบรรดาประชาชาติจึงคิดกบฏ? ทำไมชาวประเทศทั้งหลายคิดลมๆ แล้งๆ? บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลกตั้งตนเองขึ้น และนักปกครองปรึกษากัน ต่อสู้พระยาห์เวห์กับผู้รับการเจิมของพระองค์ กล่าวว่า ให้เราหักโซ่ตรวน และสลัดเครื่องจำจองของเขาให้พ้นจากเราเถิด พระองค์ผู้ประทับในสวรรค์ทรงพระสรวล องค์เจ้านายทรงเย้ยหยันเขาเหล่านั้น แล้วตรัสกับเขาทั้งหลายด้วยความกริ้ว และด้วยความเดือดดาลก็ทรงทำให้เขาหวาดกลัว ตรัสว่า เราเองได้ตั้งกษัตริย์ของเราไว้แล้ว บนศิโยน ภูเขาบริสุทธิ์ของเรา ข้าพเจ้าจะบอกถึงกฎเกณฑ์ของพระยาห์เวห์ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า "เจ้าเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำเนิดเจ้าแล้ว

    Enjoying the preview?
    Page 1 of 1