Discover millions of ebooks, audiobooks, and so much more with a free trial

Only $11.99/month after trial. Cancel anytime.

ศาสตร์ต้องห้าม: เรื่องชวนหัวของครอบครัวแวมไพร์ร่วมสมัย
ศาสตร์ต้องห้าม: เรื่องชวนหัวของครอบครัวแวมไพร์ร่วมสมัย
ศาสตร์ต้องห้าม: เรื่องชวนหัวของครอบครัวแวมไพร์ร่วมสมัย
Ebook271 pages45 minutes

ศาสตร์ต้องห้าม: เรื่องชวนหัวของครอบครัวแวมไพร์ร่วมสมัย

Rating: 0 out of 5 stars

()

Read preview

About this ebook

เฮง ลี เริ่มรู้สึกแปลก ๆ สำหรับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทันใดนั้นเอง เขาจึงได้ไปหารือกับหมอผีในพื้นที่ ซึ่งก็คือป้าของเขานั่นเอง เธอทำการทดสอบสองสามครั้ง และพิจารณาแล้วว่าเฮงไม่มีเลือด แต่เขาก็ไม่รู้จะบอกกับครอบครัวว่ายังไงดี และพวกเขาจะทำยังไงกันต่อไป
Languageภาษาไทย
PublisherTektime
Release dateJul 23, 2021
ISBN9788835426608
ศาสตร์ต้องห้าม: เรื่องชวนหัวของครอบครัวแวมไพร์ร่วมสมัย
Author

Owen Jones

Author Owen Jones, from Barry, South Wales, came to writing novels relatively recently, although he has been writing all his adult life. He has lived and worked in several countries and travelled in many, many more. He speaks, or has spoken, seven languages fluently and is currently learning Thai, since he lived in Thailand with his Thai wife of ten years. "It has never taken me long to learn a language," he says, "but Thai bears no relationship to any other language I have ever studied before." When asked about his style of writing, he said, "I'm a Celt, and we are Romantic. I believe in reincarnation and lots more besides in that vein. Those beliefs, like 'Do unto another...', and 'What goes round comes around', Fate and Karma are central to my life, so they are reflected in my work'. His first novel, 'Daddy's Hobby' from the series 'Behind The Smile: The Story of Lek, a Bar Girl in Pattaya' has become the classic novel on Pattaya bar girls and has been followed by six sequels. However, his largest collection is 'The Megan Series', twenty-three novelettes on the psychic development of a young teenage girl, the subtitle of which, 'A Spirit Guide, A Ghost Tiger and One Scary Mother!' sums them up nicely. After fifteen years of travelling, Owen and his wife are now back in his home town. He sums up his style as: "I write about what I see... or think I see... or dream... and in the end, it's all the same really..."

Related categories

Reviews for ศาสตร์ต้องห้าม

Rating: 0 out of 5 stars
0 ratings

0 ratings0 reviews

What did you think?

Tap to rate

Review must be at least 10 words

    Book preview

    ศาสตร์ต้องห้าม - Owen Jones

    โอเวน โจนส์

    (Owen Jones)

    ∞ ∞ ∞

    ผู้แปล:

    หัสยา สันติ

    ลิขสิทธิ์

    สงวนลิขสิทธิ์โดย โอเวน โจนส์ (Owen Jones) ในวันที่ 21 มกราคม 2564

    เป็นลิขสิทธิ์ของ โอเวน โจนส์ ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้เขียนงานนี้ได้รับการยืนยันตามมาตรา 77 และ 78 ของพระราชบัญญัติการออกแบบ และสิทธิบัตรลิขสิทธิ์ปี 2541 สิทธิโดยชอบธรรมของผู้เขียนได้รับการยืนยันแล้ว

    ในผลงานนวนิยายเรื่องนี้ ตัวละครและเหตุการณ์ต่าง ๆ มาจากจินตนาการของผู้แต่ง หรือใช้ในเชิงการสมมุติขึ้นมาทั้งหมด บางสถานที่อาจมีอยู่จริง แต่เหตุการณ์ต่าง ๆ เป็นเพียงเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมาเองทั้งหมด

    ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Megan Publishing Services

    https://meganthemisconception.com

    คำกล่าวอุทิศ

    หนังสือเล่มนี้ขออุทิศให้เพื่อนของฉัน ได้แก่ ลอร์ด เดวิด พรอสเซอร์ (Lord David Prosser) และ เมอร์เรย์ บรอมลีย์ (Murray Bromley) ผู้ที่ให้ความช่วยเหลือ และครอบครัวชาวไทยของฉันที่ได้ทำให้ทุกอย่างเป็นจริงมากกว่าที่คาดหวังไว้ในปี 2556

    กรรมจะตอบแทนทุกคนด้วยเมตตา

    ติดต่อ:

    http://facebook.com/angunjones

    http://twitter.com/lekwilliams

    owen@behind-the-smile.org

    http://owencerijones.com

    เข้าร่วมกับเราเพื่อรับข่าวสารสำหรับข้อมูลภายใน

    เกี่ยวกับหนังสือและงานเขียนของ โอเวน โจนส์ (Owen Jones)

    โดยส่งอีเมลมาที่:

    http://meganthemisconception.com

    คำคมที่สร้างแรงบันดาลใจ

    "อย่าปลงใจเชื่อในสิ่งใดเพียงเพราะได้ยินมา

    อย่าปลงใจเชื่อในสิ่งใดเพราะคนจำนวนมากเล่าลือ

    อย่าปลงใจเชื่อสิ่งใดด้วยการอ้างตำราหรือพระคัมภีร์

    อย่าปลงใจเชื่อเพียงเพราะนับถือว่าเป็นครูอาจารย์หรือผู้ใหญ่

    อย่าปลงใจเชื่อสิ่งใดด้วยการเชื่อถือสืบกันมาอย่างยาวนาน"

    แต่หลังจากที่สังเกตการณ์และวิเคราะห์แล้ว หากสิ่งใดสอดคล้องกับเหตุผลและเอื้อต่อสิ่งที่ดีและประโยชน์ของทุกคน จงยอมรับและดำเนินชีวิตโดยยึดถือสิ่งนั้น"

    พระโคตมพุทธเจ้า

    ∞ ∞ ∞

    ฟังข้าเถิด จิตวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งมีเสียงอยู่ในสายลม ให้ข้าได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและเปี่ยมความรู้

    ให้ข้าได้แลเห็นดวงอาทิตย์อัสดงสีแดงและสีม่วง ให้มือของข้าได้กราบกรานสิ่งที่ท่านมอบให้ข้า

    สอนให้ข้ารู้ความลับที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบไม้ทุกใบและหินทุกก้อนอย่างที่ท่านเคยสอนผู้คนมาเนิ่นนาน

    ให้ข้าได้ใช้พละกำลังที่มี มิใช่เพื่อยิ่งใหญ่ไปกว่าพี่ชายของข้า หากเพื่อต่อสู้กับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า ซึ่งก็คือตัวข้าเอง

    ให้ข้าได้มาปรากฏต่อหน้าท่านพร้อมกับมือที่สะอาดและใจที่เปิดกว้างเสมอ เพราะเมื่อเวลาบนโลกของข้าเลือนรางจางไปดั่งอาทิตย์อัสดง วิญญาณของข้าจักได้กลับมาหาท่านโดยปราศจากความอับอาย

    (อ้างอิงจากบทสวดดั้งเดิมของชาวซิอูซ์)

    ∞ ∞ ∞

    ฉันไม่มีความปรารถนาที่จะเดินตามรอยของผู้มีประสบการณ์คนเก่า ฉันมีความปรารถนาที่จะหาสิ่งที่พวกเขาไปหามา

    มัตสึโอ บะโช

    ∞ ∞ ∞

    สารบัญ

    1 นายลีกับสถาณการณ์ลำบาก

    2 ความฉงนใจของครอบครัวลี

    3 ผีปอบเฮง

    4 เส้นทางสู่การฟื้นตัว

    5 มันคือมนุษย์ หรือมันคือนกกันแน่

    6 เฮงกลับมาทำงานได้แล้ว

    7 การพัฒนาด้านโภชนาการของเฮง

    8 การทดลองของเฮง

    9 เกสต์เฮ้าส์

    10 ธุรกิจใหม่ของครอบครัว

    11 วิถีฮิปปี้

    12 วาระแห่งการหยุดพัก

    13 ค้างคาวหนุ่มสาว

    14 ปรากฏการณ์ฝูงค้างคาว

    15 สภาค้างคาวแห่งแรก

    อภิธานศัพท์

    เสือลิลลี่แห่งกรุงเทพมหานคร

    เรื่องราวเกี่ยวกับผู้เขียน

    เมแกนกับสัมผัสพิศวง

    1 นายลีกับสถาณการณ์ลำบาก

    นายลี หรือตาเฒ่าลี คนในชุมชนรู้กันทั่วว่าเขามีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้นมาร่วมอาทิตย์แล้วนั้น เพราะว่ามันเป็นเพียงชุมชนเล็ก ๆ และอยู่ในพื้นที่ห่างไกล จึงทำให้ทุกคนในละแวกนั้นรู้กันไปทั่ว เขาเสาะหาคำแนะนำจากหมอในพื้นที่ ซึ่งก็เป็นหมอเก่าแก่คนหนึ่งที่ไม่ใช่หมอสมัยใหม่ และเธอได้บอกกับลีว่าอุณหภูมิในร่างกายของเขานั้นไม่คงที่ เพราะมีบางอย่างส่งผลต่อระบบเลือดของเขา

    เธอคนนั้นก็คือ หมอผีประจำชุมชน ป้าของนายลีนั่นเอง ตามความเป็นจริงแล้วก็ยังไม่แน่นอนว่านั่นคือสาเหตุของอาการหรือไม่ แต่เธอก็ให้สัญญาว่าเธอจะทราบถึงสาเหตุได้ในอีกไม่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมงแน่นอน หากลีทิ้งบางสิ่งสักสองอย่างไว้ให้เธอศึกษา และกลับมาฟังผลหลังจากนั้น หมอผีส่งกอตะไคร้น้ำ และก้อนหินให้นายลี

    เขารู้ว่าต้องทำยังไง เพราะว่าเขาเคยทำมันมาก่อนหน้านั้น ดังนั้นเขาจึงปัสสาวะรดลงบนกอตะไคร้น้ำ และบ้วนน้ำลายพร้อมขากเสมหะลงบนก้อนหิน เขาส่งมันกลับไปให้เธอด้วยสีหน้าจริงจัง และระวังไม่ให้ของเหล่านั้นสัมผัสลงบนมือเปล่าของหมอผี เธอได้ห่อมันไว้ด้วยใบตองเพื่อรักษาความชื้นให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ใช้เวลาสักวันนะ เพื่อให้มันเน่าเปื่อยและแห้งลง แล้วฉันจะดูให้แน่ใจว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอบ้าง

    "ขอบคุณครับ ป้าดา ผมหมายถึง ท่านหมอผีดา ผมจะรอคำตอบจากป้า และจะกลับมาใหม่ให้เร็วที่สุดเมื่อป้าเรียกพบ

    เธอรออยู่ที่นั่นล่ะ พ่อหนุ่ม พิธียังไม่เสร็จหรอก

    ดาเอื้อมมือไปด้านหลัง แล้วหยิบโถดินเผามาจากชั้นวาง เธอเปิดมันออกมาและหยิบเข้าปากสองคำ แล้วพ่นคำสุดท้ายใส่ตัวตาเฒ่าลี ในขณะที่ป้าดาท่องมนต์เพื่อเสกเป่าต่อพระผู้เป็นเจ้าอยู่นั้น นายลีคิดว่าเธอลืมที่จะชะล้างทำความสะอาด เขาไม่ชอบเลยกับการถูกพ่นน้ำลายใส่จากใครก็ตาม และโดยเฉพาะหญิงแก่ที่ฟันผุ

    นั่นสเปรย์แอลกอฮอล์ และคำอธิษฐานจะหลั่งไหลเข้ามามากพอจนกระทั่งเราจะสามารถหาความกระจ่างให้เธอได้ เธอให้คำมั่น

    หมอผีดาลุกขึ้นจากจุดตำแหน่งรูปดอกบัวที่อยู่บนพื้นในสถานที่รักษาของเธอ แล้ววางมือบนบ่าของหลานชาย และเดินออกไปข้างนอกพร้อมเขา พันมวนยาเส้นขณะที่พวกเขาเดินออกไป

    เมื่อออกไปด้านนอก เธอได้จุดมวนยาเส้น และอัดควันเข้าจนเต็มปอด ภรรยาและลูก ๆ ที่น่ารักของเธอเป็นอย่างไรบ้าง

    โอ้ พวกเขาสบายดี ป้าดา แต่ก็มีความกังวลเล็กน้อยเรื่องสุขภาพของผม ผมรู้สึกแย่มาสักพักแล้ว และผมไม่เคยป่วยเลยทั้งชีวิต อย่างที่ป้ารู้นั่นแหละ

    "ไม่หรอก ลี พวกเราเป็นคนแข็งแรงมากเลยนะ พ่อของเธอ น้องชายที่รักของฉัน จะยังแข็งแรงอยู่ตอนนี้นะ ถ้ายังไม่ตายเพราะไข้หวัดใหญ่ไปเสียก่อน แข็งแรงราวกับควายถึกอย่างที่เป็น เธอก็เจริญรอยตามแบบนั้น แต่เขาก็ไม่เคยถูกยิงตายนะ ฉันคิดว่า สิ่งที่เธอจมปลักอยู่นั่นก็คือ กระสุนของพวกแยงกี้

    นายลีผ่านเรื่องราวนั้นมากว่าหลายร้อยครั้ง ซึ่งเขาเองก็ไม่อาจโต้เถียงได้ ดังนั้นเขาแค่พยักหน้ายอมรับ ส่งเงินให้ป้าไปห้าสิบบาท และกลับบ้านไปที่สวนของเขา ซึ่งไกลออกไปแค่สองสามร้อยหลาแค่นั้นเอง

    เขารู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว ดังนั้นเขาจึงพยายามเดินอย่างกระฉับกระเฉงเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็น

    ตาเฒ่าลีเชื่อถือป้าดาคนเก่าคนแก่ของเขาเป็นอย่างมาก อย่างที่ทุกคนในชุมชนเชื่อถือกัน ซึ่งมันก็เป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีแค่ห้าร้อยหลังคาเรือน และสวนนอกหมู่บ้านอีกไม่กี่สิบแห่ง ป้าดาเป็นหมอผีของหมู่บ้านมาตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก และก่อนหน้านั้นมีอีกแค่สิบกว่าคน เท่าที่เขาจำความได้ ซึ่งพวกเขาไม่มีใบปริญญาทางการแพทย์ใด ๆ

    นั่นไม่ได้หมายความว่าคนในชุมชนไม่สามารถเข้าถึงหมอได้ ซึ่งก็มีหมอประจำอยู่บ้างในตัวเมืองซึ่งอยู่ไกลออกไปราวเจ็ดสิบห้ากิโลเมตร และไม่มีรถโดยสาร แท็กซี่ หรือรถไฟเข้าไปยังภูเขาที่พวกเขาอาศัยอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนสุดของประเทศไทยได้ นอกจากนั้น ค่าหมอก็แสนแพง และการสั่งจ่ายยาก็มีราคาแพง ซึ่งทุกคนคิดว่าพวกเขาได้รับค่าคอมมิชชั่นที่สูงทีเดียว ไกลออกไปในหมู่บ้านอื่น ยังมีคลีนิคอีกสองสามแห่ง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่พยาบาลและหมอเวียนนอกที่ทำงานอยู่ที่นั่นเพียงแค่วันเดียวในสองอาทิตย์เท่านั้น

    ชาวบ้านเองก็คิดในแบบเดียวกันกับนายลีว่า บางทีพวกเขาน่าจะเหมาะกับคนรวยในเมืองซะมากกว่า แต่ว่าก็ไม่ได้ใช้บริการมากมายอะไรกับพวกเขานัก

    ชาวนาจะหยุดงานทั้งวันได้อย่างไร และเช่ารถรับจ้างเพื่อไปหาหมอในเมืองอย่างนั้นหรือ แม้ว่าคุณจะสามารถหาใครสักคนที่มีรถได้ก็ตาม ถึงจะมีรถแทรกเตอร์เก่าอยู่แค่ไม่กี่คันในระยะสิบกิโลเมตรนี้

    ไม่หรอกน่า เขาคิดว่าป้าแก่ของเขาอาจไม่ได้ดิบดีอะไรในสายตาคนอื่น แต่เธอก็ดีมากพอสำหรับเขา และนอกจากนั้นเธอก็ไม่เคยปล่อยให้ใครตายหากมันยังไม่ถึงเวลา และเธอก็ไม่เคยฆ่าใครอย่างแน่นอน ทุกคนทราบกันดีกับสิ่งเหล่านั้น ทุกคนทราบกันดี

    นายลีรู้สึกภูมิใจในตัวป้าของเขามาก และอย่างไรก็ดีไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสำหรับระยะทางหลายกิโลในละแวกนี้ และแน่นอนว่าไม่มีใครที่มีประสบการณ์ทั้งหมดนี้เท่าเธอ ทั้งหมดนี้… ใช่หรือไม่ จริงอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าอายุที่แท้จริงของเธอ ไม่แม้แต่ตัวเธอเอง แต่ถึงวันนี้อาจจะเก้าสิบปีแล้ว

    นายลีเดินออกมาสนามหญ้าหน้าบ้านพร้อมกับมีความคิดเหล่านี้อยู่ภายใน เขาอยากจะคุยเรื่องนี้กับภรรยาของเขา เพราะถึงแม้เขามีฐานะเป็นหัวหน้าครอบครัวในสายตาคนภายนอกเฉกเช่นเดียวกันกับครอบครัวอื่น มันก็เป็นเพียงการแสดงออกภายนอก เพราะว่าในความเป็นจริงทุกการตัดสินใจมาจากทุกคนในครอบครัว หรืออย่างน้อยโดยรวมก็มาจากคนที่เป็นผู้ใหญ่

    นี่จะเป็นวันสำคัญ เพราะลีไม่เคยมีวิกฤตเกิดขึ้นในชีวิตแบบนี้มาก่อน และลูกทั้งสองของพวกเขาซึ่งจะไม่ได้เป็นเด็กแบบนี้ตลอดไป ก็จะต้องได้รับอนุญาตให้พูดคุยด้วยเช่นกัน ประวัติศาสตร์กำลังจะถูกสร้างขึ้น และนายลีก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ดี

    มัด! เขาเรียกชื่อนี้กับภรรยาผู้เป็นที่รักของเขาตั้งแต่มีลูกคนหัวปีครั้นยังไม่สามารถพูดคำว่า ‘แม่’ ได้เลย มัด อยู่ตรงนั้นหรือเปล่า

    ใช่ ฉันออกมาหลังบ้าน"

    ลีรอเธอออกมาจากห้องน้ำสักครู่ แต่เพราะในบ้านอากาศร้อน และอบอ้าวเขาจึงกลับออกไปที่สนามหญ้าหน้าบ้าน และนั่งที่โต๊ะขนาดใหญ่ของครอบครัวที่มีหลังคามุงจาก ซึ่งทั้งครอบครัวเอาไว้รับประทานอาหาร และจะมานั่งที่นี่เสมอหากพวกเขามีเวลาว่าง

    คูณนายลีมีชื่อจริงว่า วรรณ แม้ว่าสามีสุดที่รักจะเรียกเธอว่า มัด ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ลูกชายคนโตเรียกแม่ได้นั่นแหละ ชื่อนี้ถูกเรียกติดปากนายลีมาตลอด แต่พวกลูก ๆ เองก็ไม่ได้เรียกแบบนั้น เธอมาจากหมู่บ้านชื่อว่า บ้านน้อย บ้านเดียวกับลี แต่ครอบครัวของเธอทราบกันว่ามาจากที่อื่นแล้วมาอาศัยอยู่ที่นี่ ขณะที่ครอบครัวของนายลีอพยพมาจากประเทศจีนกว่าสองชั่วอายุคนมาแล้ว อย่างไรก็ตามบ้านเกิดของทั้งสองนั้นอยู่ไม่ไกลกัน

    เธอก็เป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งในพื้นที่ ในวัยเด็ก เธอเองเป็นเด็กน่ารัก แต่ในสมัยนั้นเด็กผู้หญิงไม่ได้รับโอกาสมากนัก และพวกเขาก็ไม่ได้รับการสนับสนุนให้มีความปรารถนา ไม่ใช่ว่าสิ่งต่าง ๆ จะเปลี่ยนแปลงไปมากสำหรับลูกสาวของเธอ แม้ว่ามันผ่านมาถึงยี่สิบปีมาแล้ว

    คุณนายลีมีความพอใจที่จะหาสามีหลังจากออกจากโรงเรียน ดังนั้นเมื่อเฮง ลีขอแต่งงาน และให้ค่าทำขวัญที่เขามีอยู่ในธนาคารแก่พ่อแม่เธอ เธอจึงคิดว่าเขาน่าจะดีพอ ๆ กับเด็กผู้ชายคนอื่น ๆ ในท้องถิ่นที่เธอน่าจะได้รับแบบเดียวกัน เธอไม่ได้มีความปรารถนาที่ต้อ

    จากเพื่อน ไปที่อื่น

    และสัมพันธภาพต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วมุ่งสู่เมืองใหญ่เพื่อเพิ่มโอกาสให้ตัวเอง

    เธอได้รักกับเฮง ลีจากการตัดสินใจของตัวเอง แม้ว่าดวงไฟแห่งความรักมันจะมอดลงนานมากแล้วกับชีวิตรักในช่วงระยะเวลาอันสั้น และเธอเป็นมากกว่าหุ้นส่วนทางธุรกิจซึ่งมันมากกว่าการเป็นภรรยาในครอบครัวซึ่งอุทิศชีวิตอย่างแน่วแน่ในการใช้ชีวิตร่วมกัน และเพื่อลูก ๆ ของพวกเขา

    วรรณไม่เคยพยายามแสวงหาคนรัก แม้ว่าเธอถูกยื่นข้อเสนอทั้งสองอย่างนี้มาทั้งก่อนและหลังจากชีวิตแต่งงานของเธอ ในเวลานั้นเธอโมโหมาก แต่ตอนนี้เธอมองย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้นด้วยความอ่อนโยน ลีเป็นคนแรกและคนเดียวของเธอ และตอนนี้ แน่นอนก็คงเป็นคนสุดท้าย แต่เธอไม่เคยเสียใจกับเรื่องนั้นเลย

    ความฝันเพียงอย่างเดียวของเธอก็คือ ได้เฝ้ามองและดูแลหลาน ๆ ที่ลูก ๆ ของเธอก็ต้องการในเวลาที่พร้อม แต่เธอไม่ได้ต้องการให้พวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกสาวของเธอให้ต้องรีบแต่งงานเหมือนเธอ เธอรู้ว่าลูก ๆ ของเธอจะต้องมีลูกอย่างแน่นอนเหมือนวิถีของไข่ แบบเดียวกันกับไข่ หากพวกเขาสามารถทำได้ เพราะเป็นทางเดียวที่จะสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตนเองในวัยชรา และมีโอกาสพัฒนาสถานะทางครอบครัว

    คุณนายลีสนใจเรื่องครอบครัว ฐานะ และเกียรติยศอย่างมาก แต่ทว่าเธอก็ไม่ได้ต้องการวัตถุมากไปกว่าที่มีอยู่ เธอเรียนรู้โดยใช้เวลาไม่นานนัก จนสิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญสำหรับเธออีกต่อไป

    เธอมีโทรศัพท์มือถือ และโทรทัศน์อยู่แล้ว แต่สัญญาณแย่มากที่เล็กน้อยมากที่จะบ่น และก็ไม่มีอะไรที่เธอสามารถทำได้นอกจากเฝ้ารอให้รัฐบาลดำเนินการปรับปรุงเครื่องส่งสัญญาณในพื้นที่ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันหนึ่งแน่นอน หรือไม่ก็เร็ว ๆ นี้ เธอไม่ได้ต้องการรถ เพราะเธอไม่อยากไปไหนทั้งนั้น และนอกจากนี้ถนนไม่ได้ดีอยู่แล้ว

    อย่างไรก็ตาม มันไม่เพียงแค่ผู้คนในช่วงอายุของเธอ และคิดว่ารถหนึ่งคันกว่าจะเข้าจอดในสถานีนั้นช่างนานเหลือเกินจนพวกเขาไม่พึงปรารถนามาหลายสิบปีก่อน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เธอพอใจกับรถจักรยานและรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าที่ใช้เป็นพาหนะในครัวเรือน

    คุณนายลีก็ไม่ได้ปรารถนาที่จะใส่ทอง หรือเสื้อผ้าแฟชั่นอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากต้องดูแลเลี้ยงดูลูกสองคนด้วยค่าแรงของอาชีพชาวนาหลายปีมาแล้วเช่นกัน ถึงแม้ว่าทั้งหมดนั้น คุณนายลีเป็นผู้หญิงที่มีความสุขซึ่งรักครอบครัวเป็นอย่างมาก และยินดีที่จะอยู่ตามที่เธอเป็น และที่เธออยู่ จนกว่าพระพุทธเจ้าเรียกตัวเธอกลับบ้านเก่าอีกครั้งในวันหนึ่ง

    นายลีเฝ้าดูภรรยาของเขาที่กำลังเดินมาหาเขา เธอกำลังปรับอะไรบางอย่างภายใต้ผ้าถุงของเธอจากด้านนอก มีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาควรสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เธอนั่งบนขอบโต๊ะ แล้วสะบัดขาขึ้นนั่งเหมือนนางเงือกบนโขดหินในเดนมาร์ก

    โอเค ยายเฒ่าจะพูดอะไร

    โอ้ มานี่สิ มัด เธอไม่ได้แย่ขนาดนั้น! โอเค เธอกับเขาเข้ากันได้ดี แต่นั่นเป็นเพียงบางครั้งใช่หรือไม่ เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องแย่ ๆ เกี่ยวกับเธอ แล้วทำไมเมื่อสามสิบนาทีที่ผ่านมาเขาถึงพูดเรื่องสุขภาพของเธอ…และเรื่องลูก

    "บางครั้งเธอก็โง่เหมือนกันนะเฮง เธอพูดกับฉันและเกี่ยวกับฉันอย่างดีหากมีคนรอบ ๆ ตัวได้ยิน แต่เมื่อใดก็ตามที่เราอยู่ลำพัง เธอจะปฏิบัติกับฉันเหมือนขี้โคลน และทำมาตลอด เธอเกลียดฉัน แต่เธอก็กลบเกลื่อนไม่ให้ใครรู้ เพราะเขารู้ว่าเธอจะเข้าข้างฉัน ซึ่งไม่ใช่ตัวเธอ คุณผู้ชาย เขาคิดว่าตัวเองรอบรู้งั้นหรือ แต่เธอไม่เคยรู้ว่ามีเกิดอะไรขึ้นภายใต้จมูกของเธอเอง

    "เธอกล่าวหาฉันสารพัดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และหลายครั้งด้วยเช่นกัน…เช่น ไม่รักษาบ้านให้สะอาด ไม่ซักผ้าให้เด็ก ๆ และมีครั้งหนึ่งเธอยังบอกอีกว่าอาหารของฉันมีกลิ่นเหมือนฉันใช้ขี้แพะมาทำอาหาร!

    บ๊ะ เธอไม่เคยมองอีกมุมหนึ่งเลย แต่เธอก็ไม่เชื่อในตัวฉันด้วย เธอทำแบบนั้นกับภรรยาของตัวเองตัวเองใช่มไหม ใช่ เธออาจยิ้มได้นะ แต่มันไม่ตลกเลยสำหรับฉัน สามสิบปีมาแล้วให้ฉันพูดบ้างนะ ไม่เป็นไร มันเป็นอะไรที่เธอต้องพูด

    "ไม่มีอะไรจริง ๆ นั่นเป็นเพียงการตรวจสุขภาพ ดังนั้นมันจึงเป็นกิจวัตรเดิม ๆ เธอรู้ไหม ฉันฉี่ลงบนตะไคร้น้ำ บ้วนน้ำลายลงบนก้อนหิน แล้วก็ขอให้เธอฉีดเสปรย์แอลกอฮอล์ทำความสะอาดตัวจากขี้ฟันยายแก่ มันทำให้ฉันขนลุกเมื่อนึกถึงมัน เธอบอกว่า เธอจะบอกฉันในวันพรุ่งนี้ ในตอนที่เธอแจ้งให้ฉันทราบผล

    ลูก ๆ อยู่ที่ไหน พวกเขาไม่มาร่วมการสนทนาเรื่องในครอบครัวนี้ด้วยหรือ

    ฉันคิดว่าไม่นะ อาจจะไม่ หลังจากนี้ เรายังไม่รู้อะไรใช่ไหม หรือคุณคิดว่ายังไง

    ไม่ คงไม่ ฉันคิดว่า ฉันอาจจะให้สาวจีนคนนั้นนวดให้… มันอาจช่วยได้บ้าง ถ้าฉันขอให้เธอมาได้ง่าย ๆ เธอเรียนรู้ทักษะจากภาคเหนือของประเทศไทย และเธออาจจะค่อนข้างหยาบไปบ้าง หรืออาจไม่… เขาว่ากันนะ เธอรู้ไหมว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งธาตุแท้ของฉันก็คล้าย ๆ พวกเขานั่นแหละ บางทีพวกเขาก็จะได้ประโยชน์จากการถูนวดเบา ๆ ก็ได้นะ …คุณคิดว่ายังไงที่รัก

    ใช่ ฉันรู้เธอหมายความว่ายังไงเกี่ยวกับการถูเบา ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมเธอไม่ขอคุณลุงให้นวดให้ ทำไมถึงเลือกหญิงสาวล่ะ

    คุณก็รู้ว่าทำไมฉันไม่ชอบให้มือผู้ชายมาแตะตัวฉัน ฉันได้อธิบายไปแล้วนะ ก็ได้ ถ้ามันทำให้คุณไม่สบายใจ ฉันจะไม่ไปนวด

    ฟังนะ ฉันไม่ได้พูดว่าไม่ให้เธอไปนะ! โอ้สวรรค์ ฉันไม่สามารถห้ามเธอได้หรอก ถ้าเธอต้องการจะไป! อย่างไรก็ตามอย่างที่เธอว่า มีคนบอกว่าเธอค่อนข้างจะหยาบคาย และเธออาจจะทำอันตรายมากกว่าทำให้ดีขึ้น ฉันคิดว่ามันดูฉลาดมากกว่าถ้าจะยังไม่ทำ จนกว่าเราจะรอฟังป้าเธอก่อน

    ได้ ก็ดี เธออาจจะพูดถูกก็ได้ เธอยังไม่บอกเลยว่าเด็ก ๆ อยู่ไหน"

    ฉันไม่แน่ใจจริง ๆ ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะกำลังกลับมา… พวกเขาออกไปงานวันเกิดด้วยกัน หรือทำอะไรสักอย่างในวันหยุด

    ครอบครัวลีมีลูกสองคน ผู้ชายและผู้หญิงอย่างละหนึ่งคน และถือว่าเป็นความโชคดี เพราะพวกเขาพยายามในการมีลูกถึงสิบปีก่อนเริ่มตั้งครรภ์ลูกชายคนแรก ในตอนนี้คนหนึ่งอายุยี่สิบปี อีกคนสิบหกปี ฉะนั้นนายลีและคุณนายลีจึงละทิ้งความหวังถึงสิ่งอื่นใดมานานมากแล้ว

    พวกเขาล้มเลิกความพยายามมานานแล้วเช่นกัน

    อย่างไรก็ตาม เด็กสองคนนี้เป็นเด็กดี ให้เกียรติผู้อื่น และเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย และพวกเขาทำให้พ่อแม่ภูมิใจเสมอมา หรืออย่างน้อยสิ่งที่พ่อแม่รับรู้ได้เกี่ยวกับพวกเขาก็คือ การทำให้พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจ เพราะพวกเขาก็เหมือนกับเด็กดีทั่วไปคือ ดีอยู่ที่เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถรับมือกับเหตุการณ์เลวร้ายได้เช่นกัน และก็มีแอบคิดปิดบังในเรื่องพ่อแม่ไม่เห็นด้วยอยู่เช่นกัน

    เจ้าหนูลี ลูกชาย นายเด่น หรือลีน้อย อายุย่างยี่สิบ และเรียนจบมาสองปีแล้ว เขาก็เหมือนกับน้องสาวของเขาที่มีความสุขกับชีวิตในช่วงวัยเด็ก แต่ความจริงก็คือ มันเริ่มมีความอึมครึมเกิดขึ้นในชีวิตจากสิ่งที่พ่อของเขาได้วางแผนชีวิตที่ยุ่งยากไว้ให้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยทำงานมาเลยในชีวิต ทำทั้งก่อนและหลังเลิกเรียนมาแล้ว อย่างไรก็ดียังมีเวลาเล่นฟุตบอลและปิงปอง และมีสาว ๆ ที่โรงเรียนเต้นรำในเวลานั้นด้วย

    ตอนนี้ทุกอย่างได้สิ้นสุดลงแล้ว และมีแนวโน้มว่าเขากำลังมองหาเกี่ยวกับเรื่องเพศ ไม่ใช่ว่าจะมีเรื่องแบบนี้ให้พูดถึงมากมายนัก แค่การจูบกันก็ยากแล้ว และแม้แต่การจับต้องของจริงก็ด้วย แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ทำแบบเลยมาเกือบสองปีแล้ว เด่นคงจะไปในตัวเมืองทันทีในตอนนี้อย่างไม่ลังเล หากเขารู้ว่าจะทำอะไรได้บ้างเมื่อไปถึงที่นั่น แต่เขาก็ไม่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าถึงขนาดนั้น นอกจากแค่ได้มีเซ็กส์บ่อย ๆ

    ฮอร์โมนอันพลุ่งพล่านของเขากำลังสร้างปัญหาให้กับเขาถึงขนาดที่ว่า แพะบางตัวมันดูน่าสนใจสำหรับเขามาก ซึ่งทำให้เขากังวลอย่างต่อเนื่อง

    จริง ๆ มันก็ไม่ถึงขนาดนั้น เขาตระหนักว่าเขาจะต้องแต่งงาน ถ้าเขาต้องการมีความสัมพันธ์ปกติกับผู้หญิง

    การแต่งงานนั้น ถึงแม้ว่ามันต้องแลกด้วยค่าใช้จ่ายในการมีลูก ช่างดูเป็นการเริ่มต้นตัดสินใจที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

    สาวน้อยลี เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ดิน เธอช่างเป็นเด็กอายุสิบหกที่น่ารักอย่างมาก เธอต้องออกจากโรงเรียนในฤดูร้อนที่จะถึงนี้ เธอเรียนน้อยกว่าพี่ชายสองปี ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของคนในพื้นที่ ไม่ใช่เพราะเธอฉลาดน้อยกว่า แต่เป็นเพราะทั้งพ่อแม่และตัวเธอเองคิดว่ายิ่งถ้าเริ่มต้นการมีครอบครัวก่อนก็ยิ่งดีมากเท่านั้น หากเด็กสาวจะหาสามีเมื่ออายุน้อยกว่ายี่สิบปีมันง่ายกว่าหากช้าไปกว่านั้นสักสองสามปี ดินยอมรับ ‘ภูมิปัญญา’ ดั้งเดิมนี้ โดยไม่ตั้งคำถามแม้ว่าแม่ของเธอจะรู้สึกหวั่นวิตกก็ตามที

    เธอยังทำงานทั้งก่อนและหลังโรงเรียนเลิก ตลอดชีวิตของเธออาจจะลำบากกว่าพี่ชายของเธอ แม้ว่าเธอจะไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงที่แทบจะเป็นแรงงานทาสอยู่ทุกหนแห่ง

    อย่างไรก็ตาม ดินก็ยังคงมีความเพ้อฝันอยู่ เธอใฝ่ฝันถึงเรื่องราวที่แสนโรแมนติก ที่คนรักจะพาเธอไปอยู่กรุงเทพฯ ซึ่งบางทีเขาอาจจะเป็นหมอ และเธอจะใช้เวลาทั้งวันไปกับการช้อปปิ้งกับแฟนของเธอ ฮอร์โมนของเธอทำให้รู้สึกสับสนเช่นกัน แต่วัฒนธรรมท้องถิ่นของพวกเขากีดกั้นไม่ให้เธอยอมรับสิ่งเหล่านั้น แม้แต่กับตัวเธอเอง พ่อ พี่ชายและแม่ของเธอก็เช่นเดียวกัน อาจจะให้เธอเก็บตัวหากพวกเขาจับได้ว่าเธอยิ้มให้เด็กผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว

    เธอรู้และยอมรับมันโดยไม่ตั้งคำถามใด ๆ เช่นกัน

    มันคือแผนของเธอในการเริ่มมองหาสามีโดยทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่แม่เธอได้พร้อมให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว เพราะผู้หญิงของตระกูลลีทั้งสองคนรู้ดีว่าควรทำให้สำเร็จโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันความอับอายที่จะเกิดขึ้นแก่ครอบครัว

    สรุปแล้วทั้งหมดนี้ ครอบครัวลีก็เป็นครอบครัวปกติทั่วไปในชุมชน และพวกเขาก็มีความสุขในสิ่งที่เป็น พวกเขาใช้ชีวิตภายใต้ข้อจำกัดตามวัฒนธรรมท้องถิ่นและคิดว่าสิ่งนั้นถูกต้อง และเหมาะสม แม้ว่าเด็กทั้งสองจะเก็บงำความฝันที่อยากหนีเข้าเมืองใหญ่ก็ตาม ปัญหาคือ การขาดความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการกลับคืนสู่อารยธรรมชนเผ่าที่มีมาหลายศตวรรษ

    Enjoying the preview?
    Page 1 of 1